
ยาปลูกผมที่นิยมในไทยมีอะไรบ้าง และได้ผลจริงหรือไม่?
ปัญหาผมบาง หัวล้าน ผมขาดหลุดร่วงนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกคน ซึ่งบางคนก็เกิดปัญหานี้ได้ตั้งแต่อายุน้อย ๆ ซึ่งมีวิธีแก้ปัญหาก็มีมากมาย เช่น การปลูกผม การใช้วิธีทางการแพทย์ในการรักษาอื่น ๆ แต่บางครั้งการรักษาด้วยวิธีการปลูกผมอาจไม่เหมาะกับบางคน จึงมีวิธีการรักษาด้วยการกินยาปลูกผมตามที่แพทย์แนะนำ ซึ่งในบทความนี้จะพามาทำความรู้จักว่ายาปลูกผมที่นิยมในไทย มีอะไรบ้าง
ยาปลูกผมที่นิยมในไทยมีอะไรบ้าง
ยาปลูกผมถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คนที่มีปัญหาผมน้อย ผมบาง สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็มีเซรั่มหรือยาบำรุงผมออกมามากมาย ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อใช้ได้อย่างหลากหลาย แต่ก็มีข้อควรระวังเนื่องจากมักมียาหรือเซรั่มปลอมที่ทำออกมาหลอกขายด้วย จึงต้องมีการอ่านข้อมูลรายละเอียดให้ดี ซึ่งยาปลูกผมที่นิยมในไทยนั้นมีสองชนิดคือ ยาไมน็อกซิดิล และยาฟีนาสเตอไรด์
1.ยาไมน็อกซิดิล (Minoxidil)
ยาไมน็อกซิดิล มีสรรพคุณในการช่วยให้เกิดการคลายตัวของหลอดเลือดแดงเพียงเล็กน้อย จึงทำให้เลือดสามารถไปหล่อเลี้ยงเส้นผมได้ดีขึ้น ทำให้เส้นผมและรากผมแข็งแรง ซึ่งยาชนิดนี้มีทั้ง 2 รูปแบบ คือชนิดเม็ดใช้กิน และชนิดน้ำใช้ทา
- ชนิดเม็ด แพทย์จะมีการจ่ายยาเพื่อใช้ควบคู่กับการปลูกผม ซึ่งอาจมีอาการข้างเคียงคือ ขนจะขึ้นในบริเวณอื่นๆ ตามร่างกายด้วย เช่น แขน ขา ใบหน้า ซึ่งปริมาณในการทานนั้นจะขึ้นอยู่กับแพทย์ที่ทำการรักษา
- ชนิดน้ำใช้ทา จะเป็นการฉีด หรือทาโดยเน้นไปที่บริเวณโคนผม และต้องให้โดนที่บริเวณหนังศีรษะโดยตรงมากที่สุด จากนั้นควรนวดให้ตัวยาซึมเข้าโคนผม และรากผม ยาจะออกฤทธิ์ทำให้เลือดบริเวณนั้นไหลเวียนได้ดีขึ้น สารอาหารมาหล่อเลี้ยงรากผมง่ายมากขึ้น ผมขึงแข็งแรงและทนต่อการขาดหลุดร่วง ซึ่งผลข้างเคียงของการใช้ยาคือ จะทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดการระคายเคือง เป็นรังแค และผิวแห้งได้
2. ยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride)
ยาฟีนาสเตอไรด์ เป็นยาที่มีส่วนช่วยในการยับยั้งฮอร์โมน Dihydrotestosterone หรือ DHT ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้รากผมอ่อนแอ และผมขาดหลุดร่วง จนทำให้เกิดอาการผมร่วง หัวล้านก่อนวัย จึงทำให้ตัวยาชนิดนี้ได้รับความนิยมกันเป็นวงกว้างในกลุ่มผู้มีปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน แต่ฮอร์โมน Dihydrotestosterone หรือ DHT นั้นมีหน้าที่ในการแสดงออกถึงลักษณะทางกายภาพของเพศชาย เช่น กล้ามเนื้อ หนวด ขนต่าง ๆ ตามร่างกาย ซึ่งทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เห็นได้ชัดในผู้ชายบางกลุ่ม เช่น หากมีการกินติดต่อสะสมกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้มีความต้องการทางเพศลดลง และอวัยวะเพศไม่แข็งตัว ซึ่งจะพบได้แค่ 1-2 % เท่านั้น
ทำให้การใช้ยาตัวนี้ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือเภสัชกรเพื่อป้องกันผลข้างเคียงต่าง ๆ ที่ตามมา และไม่ให้เกิดอันตรายกับร่างกายหลังจากมีการใช้ยา
การใช้ยาปลูกผมได้ผลลัพธ์มากน้อยขนาดไหน
การใช้ยาฟีนาสเตอไรด์ และ ยาไมน็อกซิดิล เป็นการรักษาผมร่วง ผมบางจากพันธุกรรม ซึ่งจะช่วยทำให้ผมหนาขึ้น และคงสภาพผมให้บางช้าลง ซึ่งการใช้ยาปลูกผมจะใช้ได้ในกรณีที่ยังมีรากผมอยู่เท่านั้น หากเป็นกรณีที่รากผมฝ่อหมดแล้ว จะต้องรักษาด้วยการปลูกผมถาวร จึงจะเห็นผลได้ชัดและยั่งยืนมากที่สุด ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายวิธีการ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมตามแพทย์แนะนำ
การใช้ยาปลูกผมนั้นควรต้องมีการปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรเพื่อให้เห็นผลและไม่เป็นอันตราย แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน ยั่งยืน การปลูกผมก็เป็นทางเลือกที่ดีอย่างมาก ใครที่มีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาผมบาง หน้าผากกว้าง ศีรษะล้าน ที่ Glow&Glow Clinic มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการปลูกผม ดีกรีจากสถาบันปลูกผมระดับโลกที่พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาหนังศีรษะ ปัญหาผมต่าง ๆ พร้อมทำการรักษาด้วยเทคนิควิธีที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน ตรงจุดกับปัญหาของแต่ละคน เพื่อช่วยสร้างบุคลิกภาพและความมั่นใจเกี่ยวกับผมได้อย่างดี