ศีรษะล้านเป็นยังไง ? รู้ทันสาเหตุและวิธีแก้ปัญหาอย่างถูกวิธี

แพทย์หญิงภัทรา ภิญโญภาวศุทธิ (หมอเบนซ์) - ก.พ. 07, 2022

Table of Contents

หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาผมร่วงอย่างต่อเนื่อง พ่อแม่หรือคนในครอบครัวมีศีรษะล้าน อาจต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพื่อหาทางป้องกันหรือลดความเสี่ยงที่จะทำให้คุณประสบปัญหาศีรษะล้าน แม้ว่าในปัจจุบันจะมีเทคนิคหรือวิธีการมากมายเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว แต่ก็คงไม่อยากมีใครต้องเผชิญกับปัญหาที่มักทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ จนอาจทำให้เสียบุคลิกภาพได้

แบบไหนถึงเรียกว่า “ศีรษะล้าน” ?


ศีรษะล้าน คือปัญหาที่เกิดจากผมร่วงมากเกินไป และไม่มีผมเส้นใหม่งอกขึ้นมาทดแทนเส้นผมที่หลุดร่วง ทำให้เส้นผมบริเวณนั้นบางลงจนเห็นได้ชัด แม้ว่าจะไม่ส่งผลต่อสุขภาพ แต่ก็ทำให้สูญเสียความมั่นใจได้ เมื่อมีอาการศีรษะล้าน หรือผมร่วงผมบางมากผิดปกติ จึงควรรีบไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที เพราะในบางครั้งอาการเหล่านี้อาจสามารถรักษาได้ด้วยยาหรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การรับประทานอาหาร การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม

รวมทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับปัญหาศีรษะล้าน

จะรู้ได้อย่างไรว่าศีรษะล้าน ?

โดยทั่วไป เส้นผมของคนเราจะร่วงประมาณ 100 เส้นต่อวัน แต่ถ้าวันไหนที่มีการสระผม เส้นผมอาจร่วงได้ถึง 150-200 เส้นต่อวัน ในขณะเดียวกัน ผู้ที่มีอาการศีรษะล้าน ผมร่วง ผมบาง จะมีเส้นผมร่วงมากกว่า 200 เส้นต่อวัน แม้ว่าจะไม่ได้สระผมก็ตาม ซึ่งเราสามารถสังเกตจำนวนเส้นผมที่ร่วงได้จากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น หลังสระผมหรือหวีผม มีเส้นผมหลุดออกมาเป็นกระจุกมากผิดปกติ หรือเห็นเส้นผมกระจายเต็มหมอนหรือพื้นบ้านบ่อยครั้ง

นอกจากการสังเกตจำนวนเส้นผมที่ร่วงแล้ว ผู้ที่มีปัญหาศีรษะล้านอาจสำรวจอาการของตนเองได้ด้วยการตรวจดูลักษณะของเส้นผมบนศีรษะว่า มีเส้นผมบริเวณไหนที่บางกว่าเส้นผมบริเวณอื่นหรือไม่ รวมถึงมีอาการคันหนังศีรษะก่อนเส้นผมจะร่วงไหม หากมีอาการเหล่านี้ก็อาจมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาศีรษะล้านในอนาคตได้

สาเหตุของศีรษะล้านคืออะไร ?

ศีรษะล้าน มักมีสาเหตุมาจากโรคผมร่วงจากพันธุกรรม (Androgenetic alopecia: AGA) ทำให้เซลล์รากผมบริเวณขมับและกลางศีรษะสามารถรับฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งถูกเปลี่ยนมาจากฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรน โดยเอนไซม์ 5-alpha reductase (5AR) ได้มากกว่าบริเวณท้ายทอยถึง 1.5 เท่า เมื่อ DHT จับกับตัวรับในเซลล์รากผมมากเกินไป จะทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะเล็กลง ส่งผลให้เส้นผมบาง มีช่วงอายุที่สั้น หลุดร่วงเร็ว และทำให้ศีรษะล้านในที่สุด

นอกจากศีรษะล้านจากพันธุกรรมแล้ว ปัญหานี้ยังเกิดได้อีกหลายสาเหตุ เช่น

ผู้ชายประสบปัญหาหัวล้านจากพันธุกรรม

รูปแบบการเกิดผมร่วง

ปัญหาศีรษะล้านมักไม่ได้เกิดขึ้นแบบฉับพลัน แต่จะค่อย ๆ พัฒนาไปตามลำดับ ซึ่งในทางการแพทย์ได้มีการใช้สเกล (Scale) เพื่อจำแนกความรุนแรงของผมร่วงในผู้ชายและผู้หญิงต่างกันออกไป ได้แก่ Norwood Scale และ Ludwig Scale โดยเป็นมาตรฐานสากลที่แพทย์ใช้เพื่อประเมินอาการและวางแผนการรักษา

Norwood Scale (ใช้สำหรับผู้ชาย)

Norwood Scale คือ เครื่องมือที่ใช้วัดระดับความรุนแรงของปัญหาหัวล้านกรรมพันธุ์ในผู้ชาย โดยแบ่งออกเป็น 7 ระดับ ซึ่งสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของไรผมและการบางของเส้นผม ดังนี้

โดยทั่วไป ผู้ชายที่มีปัญหาหัวล้านกรรมพันธุ์ มักเข้าสู่ Norwood Scale ระดับ 3 ขึ้นไป

Ludwig Scale (ใช้สำหรับผู้หญิง)

Ludwig Scale ใช้จำแนกความรุนแรงของปัญหาหัวล้านกรรมพันธุ์ในผู้หญิง ซึ่งลักษณะจะต่างจากผู้ชาย เนื่องจากผู้หญิงมักยังคงมีแนวไรผมด้านหน้า แต่ผมจะบางลงบริเวณกลางศีรษะแทน

ทั้งนี้ ผู้หญิงที่มีหัวล้านกรรมพันธุ์จะไม่ค่อยเจอปัญหาไรผมถอยร่นเหมือนผู้ชาย แต่จะสังเกตได้จากการแสกผมที่กว้างขึ้นและปริมาณผมที่เบาบางลงเรื่อย ๆ

วิธีการรักษาศีรษะล้าน

การรักษาศีรษะล้านสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนังและเส้นผม เพื่อตรวจหาสาเหตุ แนวทางการแก้ปัญหาผมร่วง และวิธีรักษาผมบางที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด 

การรักษาโดยปรับพฤติกรรมและผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม

หากผมร่วงเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น การแพ้สารเคมี การมัดผมแน่นเกินไป หรือการเกาศีรษะรุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้ปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ใช้และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง

การใช้ยา

สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาศีรษะล้านจากพันธุกรรม แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาเพื่อลดผลกระทบของฮอร์โมน DHT ต่อรากผม เช่น

การทำทรีตเมนต์ฟื้นฟูเส้นผม

นอกจากการใช้ยาแล้ว ปัจจุบันยังมีเทคโนโลยีที่ช่วยชะลอผมร่วงและกระตุ้นการงอกใหม่ เช่น

การรักษาโดยเทคนิคปลูกผมถาวร

หากแนวทางการรักษาข้างต้นยังไม่ได้ผล หรือมีการสูญเสียเส้นผมมากจนกระทบความมั่นใจ แพทย์อาจแนะนำให้ทำ การปลูกผมถาวร ซึ่งเป็นวิธีแก้หัวล้านกรรมพันธุ์ที่เห็นผลชัดเจนกว่าและให้ผลระยะยาว โดยเทคนิคที่นิยม ได้แก่

1. เทคนิคปลูกผม FUE (Follicular Unit Excision)

เป็นการเจาะย้ายกราฟผมทีละกอจากบริเวณท้ายทอยไปปลูกยังจุดที่ผมบางหรือศีรษะล้าน ข้อดีคือไม่มีรอยแผลเป็นยาว ฟื้นตัวเร็ว และดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการพักฟื้นนาน

2. เทคนิคปลูกผม FUT (Follicular Unit Transplantation)

เป็นการตัดชิ้นหนังศีรษะจากด้านหลังออกมา แล้วแยกเป็นกราฟเล็ก ๆ เพื่อนำไปปลูกผมใหม่ วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจำนวนกราฟมาก ๆ ในครั้งเดียว แต่จะมีรอยแผลเป็นเส้นยาวด้านหลังศีรษะ

อย่างไรก็ดี หากถามว่าศีรษะล้านจากพันธุกรรมรักษาหายหรือไม่ คำตอบคือ ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากเกิดจากยีนและฮอร์โมนที่ควบคุมการทำงานของรากผม แต่การปลูกผมถาวรเป็นวิธีที่สามารถชะลอการลุกลามและฟื้นฟูให้เส้นผมดูหนาขึ้นได้ ช่วยคืนความมั่นใจให้คุณกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างไร้กังวล

ปัญหาหัวล้านกรรมพันธุ์ในผู้ชาย ก่อให้เกิดความเป็นกังวลและไม่มั่นใจ

การดูแลตัวเองเพื่อลดปัญหาผมร่วง ศีรษะล้าน

แม้การรักษาจะช่วยได้มาก แต่การดูแลตนเองในชีวิตประจำวันก็สำคัญไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น

สรุปเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับปัญหาศีรษะล้าน

ศีรษะล้าน คืออาการผมร่วงและผมบางผิดปกติที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดทางพันธุกรรม การติดเชื้อบริเวณหนังศีรษะ หรือการแพ้สารเคมี ซึ่งแต่ละสาเหตุจะมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน เช่น การทำเลเซอร์กระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณหนังศีรษะ หรือการฉีดเซรั่มบำรุงหนังศีรษะโดยตรง ซึ่งสามารถทำร่วมกับวิธีการรักษาอื่น ๆ ได้ ดังนั้น เมื่อเกิดอาการขึ้นแล้ว ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและทำการรักษาทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะอาจทำให้ปัญหาศีรษะล้านลุกลามจนไม่สามารถรักษาได้

เลือกฟื้นฟูเส้นผมของคุณกับ Grow & Glow Clinic คลินิกรักษาผมบางในกรุงเทพฯ ทุกเคสได้รับการดูแลโดยแพทย์หญิงภัทรา ภิญโญภาวศุทธิ หรือหมอเบนซ์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการปลูกผม (Hair Restoration Surgery) วุฒิบัตร ISHRS และ American Board (ABHRS) ซึ่งเป็นสถาบันระดับนานาชาติ มั่นใจได้ในผลลัพธ์ที่คู่ควรกับคุณมากที่สุด พูดคุยกับหมอเบนซ์และปรึกษาฟรีได้เลยวันนี้ โทร. 084-501-9989 หรือ LINE: @clinicgrowandglow

การปลูกผม เป็นหนึ่งในวิธีแก้หัวล้านจากกรรมพันธุ์

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหาศีรษะล้าน (FAQ)

แพทย์หญิงภัทรา ภิญโญภาวศุทธิ (หมอเบนซ์)

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมและศัลยกรรมเส้นผมที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ปริญญาโทด้านตจวิทยา (ผิวหนัง) จาก King's College London ได้รับการรับรองจาก American Board of Hair Restoration Surgery และเป็นสมาชิก ISHRS หมอเบนซ์มีประสบการณ์การทำงานที่ DHT Clinic และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และปัจจุบันให้บริการที่คลินิกปลูกผม Grow & Glow โดยมุ่งเน้นการรักษามาตรฐานระดับสากล


ปรึกษาออนไลน์ฟรีกับคุณหมอ