ขั้นตอนปลูกผม FUE กับ FUT ต่างกันอย่างไร ? รู้ก่อนตัดสินใจ

แพทย์หญิงภัทรา ภิญโญภาวศุทธิ (หมอเบนซ์) - ก.พ. 04, 2022

Table of Contents

เจาะลึกขั้นตอนการปลูกผมแบบ FUE กับ FUT อย่างละเอียด

ใครที่กำลังเผชิญปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือศีรษะล้าน จนเริ่มกระทบความมั่นใจ คงกำลังมองหาวิธีแก้ไขที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนและถาวร หนึ่งในทางออกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ “การปลูกผมถาวร” ซึ่งก็มีอยู่หลายเทคนิค แต่ที่ถูกพูดถึงและใช้กันแพร่หลายที่สุดคือ เทคนิคปลูกผม FUE กับ FUT โดยทั้งสองวิธีนี้มีขั้นตอนแตกต่างกัน รวมถึงข้อดี-ข้อจำกัดที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ

Grow & Glow Clinic จะพาไปเจาะลึกขั้นตอนการปลูกผมแบบ FUE กับ FUT อย่างละเอียด ตั้งแต่การเตรียมตัว การย้ายรากผม ไปจนถึงการปลูกผมจริง พร้อมอธิบายข้อแตกต่าง ผลลัพธ์ที่ได้ เพื่อช่วยให้คุณเลือกวิธีการปลูกผมที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด

ขั้นตอนการปลูกผมแบบ FUE

การปลูกผม FUE (Follicular Unit Excision) คือ เทคนิคการย้ายรากผมแบบเจาะแยกเป็นกอเล็ก ๆ โดยใช้เครื่องมือขนาดจิ๋วเจาะนำรากผมจากบริเวณด้านหลังศีรษะ แล้วนำไปปลูกในตำแหน่งที่ออกแบบไว้ ข้อดีคือแผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว และสามารถไว้ผมสั้นได้โดยไม่เห็นรอยแผลเป็นชัดเจน ส่วนขั้นตอนกระบวนการมีดังต่อไปนี้

ขั้นตอนที่ 1 : เตรียมและเก็บรากผม

ขั้นตอนแรกของการปลูกผมแบบ FUE คือ การเข้ารับการปรึกษาและพูดคุยกับแพทย์ชำนาญการด้านเส้นผม เพื่อทำการออกแบบ วาดแนวผมที่ต้องการปลูกใหม่ จากการวัดพื้นที่และคำนวณจำนวนกราฟที่ใช้ ก่อนเริ่มขั้นตอนการปลูกผม โดยแพทย์จะทำการคัดเลือกเซลล์รากผมที่มีความแข็งแรงสูง เช่น บริเวณท้ายทอย หลังจากนั้นจะทำการโกนผมบริเวณนั้นออก และฉีดยาชาให้ทั่วบริเวณดังกล่าว

ขั้นตอนที่ 2 : ย้ายรากผม

ขั้นตอนการปลูกผมแบบ FUE จะทำหลังจากเมื่อยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะเริ่มใช้เครื่องมือพิเศษเพื่อเจาะนำเอาเซลล์รากผมบริเวณท้ายทอย โดยการใช้ตัวเจาะพิเศษที่มีขนาดเล็ก 0.8 มม. เจาะผ่านผิวหนังตามแนวขนานกับรากผม จากนั้นก็ดึงเอาเซลล์รากผมออกมาเก็บรักษาด้วยน้ำเลี้ยงเซลล์ เพื่อรักษาคุณภาพเซลล์รากผมให้แข็งแรงที่สุด

ขั้นตอนที่ 3 : ลงมือปลูกผม

ขั้นตอนสุดท้ายของการปลูกผมแบบ FUE แพทย์จะทำการฉีดยาชาพร้อมทั้งยาห้ามเลือดลงไปในบริเวณเฉพาะที่ตลอดแนวหนังศีรษะที่วาดไว้ และรอยาชาออกฤทธิ์ จากนั้นก็จะทำการเจาะรู และนำเซลล์รากผมใส่ลงในรูที่เจาะเตรียมไว้จนครบบริเวณที่จะปลูก

สรุปข้อดี-ข้อจำกัดของการปลูกผมเทคนิค FUE

ข้อดีของการปลูกผม FUE

ข้อจำกัดของการปลูกผม FUE

ขั้นตอนการปลูกผมแบบ FUT

การปลูกผมแบบ FUT (Follicular Unit Transplantation) คือ เทคนิคการย้ายรากผมที่ใช้วิธีผ่าตัดหนังศีรษะเป็นแนวยาว เพื่อนำชิ้นเนื้อที่มีรากผมแข็งแรงออกมาจากบริเวณท้ายทอย แล้วนำไปแยกกราฟผมทีละกอด้วยกล้องจุลทรรศน์ ก่อนจะปลูกกลับไปยังบริเวณที่ผมบาง ในส่วนขั้นตอนการปลูกผมแบบ FUT มีดังต่อไปนี้

ขั้นตอนที่ 1 : วางแผนแนวผมและผ่าตัดเก็บชิ้นเนื้อ

ขั้นตอนแรกของการปลูกผม FUT เริ่มจากการเข้าพบแพทย์ชำนาญการด้านเส้นผมเพื่อประเมินสภาพศีรษะ ออกแบบแนวผมใหม่ และคำนวณจำนวนกราฟที่เหมาะสมกับรูปหน้าและความต้องการของแต่ละบุคคล จากนั้นแพทย์จะทำการ ฉีดยาชาเฉพาะจุดบริเวณท้ายทอย ซึ่งเป็นแหล่งของรากผมที่แข็งแรงและดกหนา

เมื่อยาชาออกฤทธิ์ จะเข้าสู่ขั้นตอนการผ่าตัด โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า Open Technique ซึ่งเป็นการผ่าหนังศีรษะเป็นแนวยาว เพื่อดึงเอาชิ้นเนื้อที่มีรากผมออกมาอย่างแม่นยำ โดยไม่ทำลายเซลล์รากผมที่อยู่ภายใน

ขั้นตอนที่ 2 : แยกกราฟและเตรียมรากผมสำหรับปลูก

หลังจากได้จำนวนกราฟเส้นผมที่ต้องการแล้ว แพทย์จะนำเซลล์รากผมที่ได้มานั้นไปเก็บรักษาด้วยน้ำเลี้ยงเซลล์ ในระหว่างนั้นก็จะทำการคัดแยกเซลล์รากผมที่แข็งแรงด้วยกล้องจุลทรรศน์ เพื่อรักษาคุณภาพเซลล์รากผมที่แข็งแรงที่สุดออกมาในแต่ละกอ

ขั้นตอนที่ 3 : ลงมือปลูกผม

หลังจากแยกรากผมแต่ละกอเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะทำการเจาะรูเล็ก ๆ บริเวณที่ต้องการปลูกผมใหม่ตามแนวที่ออกแบบไว้ตั้งแต่ต้น โดยใช้เครื่องมือเฉพาะเพื่อให้แนวผมที่ปลูกดูเป็นธรรมชาติ และมีทิศทางเหมือนเส้นผมเดิม จากนั้นจะทำการฝังกราฟผมลงในรูที่เจาะไว้ทีละกออย่างพิถีพิถัน เพื่อให้รากผมยึดติดกับเนื้อเยื่อได้ดี ลดความเสี่ยงของกราฟหลุดหรือไม่ขึ้น

เมื่อปลูกผมครบตามจำนวนที่กำหนดแล้ว แพทย์จะเย็บปิดแผลบริเวณท้ายทอยด้วยเทคนิค Trichophytic Closure ซึ่งเป็นวิธีการเย็บแผลแบบเฉพาะ ช่วยให้เส้นผมสามารถงอกแทรกผ่านแนวแผลได้ในอนาคต ส่งผลให้แผลเป็นดูจางลงและปกปิดได้แนบเนียนยิ่งขึ้น

สรุปข้อดี-ข้อจำกัดของการปลูกผมเทคนิค FUT

ข้อดีของการปลูกผม FUT

ข้อจำกัดของการปลูกผม FUT

เลือกเทคนิคปลูกผมยังไงให้เหมาะกับตัวเอง ?

เมื่อได้ทราบแล้วว่าการปลูกผมมีกี่แบบ รวมถึงรายละเอียดขั้นตอนว่าการปลูกผม FUE กับ FUT ต่างกันยังไงแล้ว หลายคนอาจยังมีคำถามว่า “ปลูกผมแบบไหนดีที่สุด ?” ส่วนคำตอบ แน่นอนว่าไม่มีตายตัว เพราะเทคนิคที่ดีที่สุดคือเทคนิคที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลที่สุด โดยแต่ละคนก็มีลักษณะของเส้นผม ปัญหา และความต้องการที่แตกต่างกันไป จึงมีปัจจัยที่นำมาพิจารณาว่าควรปลูกผมแบบไหนดีดังนี้

1. ไลฟ์สไตล์และทรงผมที่ต้องการ

2. ระดับปัญหาและจำนวนกราฟที่ต้องใช้

3. ความกังวลเรื่องแผลเป็นและระยะเวลาพักฟื้น


ตัดสินใจเลือกเทคนิคปลูกผมที่ใช่กับแพทย์ชำนาญการที่ Grow & Glow Clinic โดยไม่ว่าจะเป็นเทคนิค ปลูกผมถาวร FUE หรือปลูกผมถาวร FUT คุณจะได้รับการประเมินอย่างตรงจุด พร้อมแผนการรักษาที่ออกแบบเฉพาะบุคคล โดยแพทย์หญิงภัทรา ภิญโญภาวศุทธิ หรือหมอเบนซ์ แพทย์ชำนาญการด้านการปลูกผม วุฒิบัตร ISHRS และ American Board (ABHRS) พูดคุยกับหมอเบนซ์และปรึกษาฟรีได้เลยวันนี้ โทร. 084-501-9989 หรือ LINE: @clinicgrowandglow

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับขั้นตอนการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE กับ FUT (FAQ)

แพทย์หญิงภัทรา ภิญโญภาวศุทธิ (หมอเบนซ์)

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมและศัลยกรรมเส้นผมที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ปริญญาโทด้านตจวิทยา (ผิวหนัง) จาก King's College London ได้รับการรับรองจาก American Board of Hair Restoration Surgery และเป็นสมาชิก ISHRS หมอเบนซ์มีประสบการณ์การทำงานที่ DHT Clinic และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และปัจจุบันให้บริการที่คลินิกปลูกผม Grow & Glow โดยมุ่งเน้นการรักษามาตรฐานระดับสากล


ปรึกษาออนไลน์ฟรีกับคุณหมอ