รู้จัก 2 วิธีปลูกผมถาวร FUT และ FUE แบบไหนที่เหมาะกับคุณ ?

แพทย์หญิงภัทรา ภิญโญภาวศุทธิ (หมอเบนซ์) - ก.พ. 04, 2022

Table of Contents

2 วิธีปลูกผมถาวรตามมาตรฐานสากล เห็นผลจริงภายใน 6 เดือน


ปัจจุบัน มีวิธีปลูกผมถาวรที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมามากมาย เพื่อช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมที่มักกวนใจใครหลายคน โดยเฉพาะผู้ที่ประสบปัญหาหนัก เช่น ผมร่วงผิดปกติ แนวผมร่นจากกรรมพันธุ์ หรือแม้แต่ภาวะศีรษะล้าน ซึ่งวิธีเหล่านี้สามารถช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นภายในระยะเวลาเพียง 6 เดือน จะมีเทคนิคปลูกผมถาวรแบบใดที่ได้ผลจริงบ้าง มาหาคำตอบไปพร้อมกัน

ขั้นตอนการปลูกผมถาวรที่ Grow & Glow Clinic

วิธีปลูกผมถาวรที่เห็นผลชัดเจนที่สุดในปัจจุบัน

ปัญหาเส้นผมสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความผิดปกติของระบบรากผมจากโรคบางชนิด ผลข้างเคียงจากการรักษาโรค ความเครียดสะสม หรือสาเหตุทางพันธุกรรมจากครอบครัว ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลให้เส้นผมหยุดการเจริญเติบโตหรือร่วงมากผิดปกติ

ด้วยเหตุนี้ จึงมีการคิดค้นและพัฒนาเทคนิคปลูกผมต่าง ๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ได้ผลดีที่สุดคือ “การปลูกผมถาวร” โดยเป็นเทคนิคที่ได้รับการรับรองจาก ISHRS (International Society of Hair Restoration Surgery) ซึ่งเป็นสมาคมศัลยกรรมปลูกผมระดับนานาชาติ ปัจจุบันมี 2 เทคนิคหลัก ได้แก่ การปลูกผมถาวร FUT และ FUE

วิธีการปลูกผมถาวร FUT และ FUE ต่างกันอย่างไร ?

1. วิธีปลูกผมถาวร FUT หรือ Follicular Unit Transplantation (Strip)

การปลูกผมถาวร FUT คือ วิธีการปลูกถ่ายย้ายรากผมด้วยการผ่าตัด โดยนำชิ้นหนังศีรษะขนาดเล็กจากบริเวณท้ายทอยมาคัดแยกเป็นกราฟผม ซึ่งขั้นตอนนี้เรียกว่า Silvering จากนั้นจึงนำกราฟเหล่านี้ไปปลูกบริเวณที่ต้องการ โดยกระบวนการทั้งหมดจะดำเนินการโดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเส้นผมและการปลูกผม

เทคนิคปลูกผมถาวร FUT เหมาะกับใครบ้าง ?

2. วิธีปลูกผมถาวร FUE หรือ Follicular Unit Excision

วิธีปลูกผมถาวร FUE คือ เทคนิคปลูกผมที่ใช้วิธีการย้ายเซลล์รากผมบริเวณท้ายทอยทีละกอ ด้วยหัวเจาะขนาดเล็กพิเศษ เพื่อนำรากผมออกมาโดยไม่ต้องผ่าตัดหนังศีรษะเหมือน FUT โดยวิธีปลูกผมถาวร FUE เป็นเทคนิคที่นิยมในปัจจุบัน เนื่องจากเจ็บน้อย ฟื้นตัวไว และแผลเป็นน้อยมาก

เทคนิคปลูกผมแบบ FUE เหมาะกับใครบ้าง ?

ผลลัพธ์ของวิธีปลูกผมถาวร FUT และ FUE

ไม่ว่าจะเลือกปลูกผมถาวร FUT หรือ FUE ทั้งสองวิธีต่างก็เป็นการผ่าตัดขนาดเล็กที่มีเป้าหมายเดียวกัน คือการย้ายรากผมจากบริเวณท้ายทอยที่มีเส้นผมดกหนาไปยังบริเวณที่มีปัญหา เช่น แนวไรผมหรือกลางศีรษะ โดยเทคนิคทั้งสองมีความปลอดภัย ได้ผลจริง และเห็นผลภายใน 6 เดือนถึง 1 ปี ทว่าสิ่งที่แตกต่างคือ วิธีการนำรากผมออกจากศีรษะ ซึ่งมีผลต่อรอยแผลและระยะเวลาฟื้นตัว การเลือกวิธีปลูกผมถาวรที่เหมาะสมจึงควรอยู่ภายใต้คำแนะนำจากแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยต่อผู้รับการรักษา

ข้อดีของการปลูกผมถาวรมีอะไรบ้าง ?

ผลลัพธ์ถาวร ไม่ต้องปลูกซ้ำ

หลายคนอาจสงสัยว่าปลูกผมถาวรอยู่ได้กี่ปี คำตอบก็คือ “ถาวร” สมชื่อ เพราะรากผมที่ถูกย้ายมาจากบริเวณท้ายทอยจะไม่ไวต่อฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เส้นผมร่วงในเพศชาย การปลูกผมถาวรจึงสามารถช่วยให้เส้นผมขึ้นใหม่ได้อย่างแข็งแรงและไม่หลุดร่วงซ้ำในบริเวณเดิม ทำให้ไม่จำเป็นต้องกลับมาปลูกผมซ้ำอีกในอนาคต 

ผมใหม่ดูธรรมชาติและขึ้นตามวงจรปกติ

เส้นผมที่ปลูกด้วยเทคนิคปลูกผมถาวร ไม่ว่าจะเป็น FUT หรือ FUE จะค่อย ๆ งอกขึ้นตามวงจรชีวิตของเส้นผมตามธรรมชาติ (Hair Growth Cycle) โดยไม่มีลักษณะที่ดูแข็งทื่อหรือเป็นเส้นแปลกปลอมเหมือนวิกหรือไฟเบอร์โรยผม จึงสามารถกลมกลืนกับผมเดิมได้อย่างแนบเนียน โดยเฉพาะเมื่อปลูกในแนวไรผมหรือแนวหน้าผาก 

เพิ่มความมั่นใจและบุคลิกภาพ

เมื่อเส้นผมที่เคยบางหรือศีรษะล้านได้รับการฟื้นฟูอย่างเป็นธรรมชาติ ผู้ที่ปลูกผมมักรู้สึกมั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเองมากขึ้น ไม่ต้องคอยหลบเลี่ยงกล้อง หรือรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อต้องพบปะผู้คน ไม่ว่าจะในชีวิตประจำวัน การทำงาน หรือการเข้าสังคม นอกจากนี้ ความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นยังส่งผลดีต่อบุคลิกภาพโดยรวม ทำให้ดูอ่อนวัย สดใส และน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

ดูแลเส้นผมใหม่ได้เหมือนผมปกติทั่วไป

หลังจากเส้นผมที่ปลูกเริ่มงอกและเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว ผู้ป่วยสามารถดูแลเส้นผมใหม่ได้เหมือนผมปกติทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการสระผม ใช้ครีมนวด ไดร์ผม เซตทรง หรือแม้แต่การย้อมสีผม (ภายใต้คำแนะนำของแพทย์) โดยไม่ต้องกังวลว่าเส้นผมจะหลุดร่วงง่ายกว่าปกติ เพราะเส้นผมใหม่ที่งอกขึ้นมานั้นแข็งแรง สามารถปรับลุคหรือเปลี่ยนทรงได้ตามต้องการ ช่วยให้การดูแลตัวเองกลับมาเป็นเรื่องสนุกอีกครั้ง

ปลูกผมถาวรที่ไหนดี ? เผยเคล็ดลับเลือกคลินิกอย่างไรให้ปลอดภัย

ดูรีวิวจากผู้ใช้จริง

หนึ่งในวิธีการตรวจสอบคุณภาพของคลินิกให้บริการปลูกผมถาวรที่ง่ายและน่าเชื่อถือที่สุด คือการดูรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการจริง โดยเฉพาะรีวิวที่มาพร้อมภาพก่อน-หลังการปลูกผม คำบอกเล่าประสบการณ์ และผลลัพธ์ที่ได้รับอย่างตรงไปตรงมา รีวิวเหล่านี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพกระบวนการจริง ทั้งความประทับใจ ความสะดวกสบายในการเข้ารับบริการ ไปจนถึงผลลัพธ์ที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าควรเลือกปลูกผมถาวรที่ไหนดี

ดำเนินการโดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการปลูกผม

การปลูกผมถาวรไม่ใช่แค่เรื่องของเทคนิคหรือเครื่องมือเท่านั้น แต่ความชำนาญการของแพทย์ก็คือปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กัน โดยคลินิกที่มีแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการปลูกผมโดยตรงจะสามารถช่วยประเมินสภาพหนังศีรษะ ออกแบบแนวผม และเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับแต่ละเคสได้อย่างแม่นยำ ยิ่งไปกว่านั้น แพทย์ที่ชำนาญการยังสามารถรับมือกับภาวะแทรกซ้อน และให้คำแนะนำในการดูแลเส้นผมหลังปลูกได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งผลโดยตรงต่อผลลัพธ์และความปลอดภัยในระยะยาว

ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย

อีกหนึ่งปัจจัยที่ควรพิจารณาคือ ระดับความทันสมัยของอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่คลินิกใช้ โดยเฉพาะในขั้นตอนที่ต้องอาศัยความละเอียดสูง เช่น การเจาะกราฟ การแยกกอผม หรือการปลูกลงในหนังศีรษะใหม่ คลินิกที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจะช่วยลดโอกาสผิดพลาด เพิ่มความแม่นยำ และทำให้ผลลัพธ์การปลูกผมแลดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ผู้เข้ารับบริการฟื้นตัวเร็ว ลดบวมช้ำ และรู้สึกสบายตลอดกระบวนการ

มีบริการติดตามผลหลังทำ

การติดตามผลลัพธ์หลังปลูกผมในช่วง 1-12 เดือนแรกถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเป็นช่วงที่รากผมจะเริ่มปรับตัว เส้นผมบางส่วนอาจร่วงชั่วคราว ก่อนที่ผมใหม่จะเริ่มงอกขึ้นอย่างถาวร ซึ่งคลินิกที่ใส่ใจในบริการหลังการรักษาจะมีการนัดหมายเพื่อตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอ เช่น การตรวจความแข็งแรงของรากผม การให้ยากระตุ้นผม หรือแนะนำวิธีดูแลหนังศีรษะอย่างถูกต้อง โดยบริการเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อหรือกราฟผมหลุด และเพิ่มโอกาสที่การปลูกผมถาวรจะประสบความสำเร็จอย่างที่คาดหวัง

ปลูกผมถาวรอย่างมั่นใจ กับ Grow & Glow Clinic

หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง และศีรษะล้านที่บั่นทอนความมั่นใจ และกำลังตัดสินใจว่าจะปลูกผมถาวรที่ไหนดี ขอแนะนำให้เริ่มต้นจากการปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการปลูกผมก่อน

Grow & Glow Clinic ให้บริการทั้งเทคนิคปลูกผมถาวร FUT และเทคนิคปลูกผมถาวร FUE โดยแพทย์หญิงภัทรา ภิญโญภาวศุทธิ (หมอเบนซ์) แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการปลูกผม ซึ่งได้รับการรับรองวุฒิบัตร ISHRS Graduate Fellow in Hair Restoration Surgery (สมาคมปลูกผมโลกนานาชาติ) และได้รับวุฒิบัตรอเมริกันบอร์ดด้านการปลูกถ่ายเส้นผม ABHRS มีความประสบการณ์ทั้งเทคนิคการปลูกผมถาวร FUT และแบบ FUE พร้อมดูแลปัญหาเส้นผมอื่น ๆ แบบครบทุกมิติ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และการดูแลติดตามผลหลังทำ ติดต่อสอบถามได้เลยที่ LINE: @clinicgrowandglow หรือโทร. 084-501-9989

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการปลูกผมถาวร

ปลูกผมถาวรอยู่ได้กี่ปี ?

เส้นผมที่ปลูกสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต หากดูแลอย่างเหมาะสม เพราะใช้รากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอย

การปลูกผมถาวรมีกี่วิธี ?

มีหลัก ๆ 2 วิธี ได้แก่ การปลูกผมถาวร FUT และการปลูกผมถาวร FUE ซึ่งแพทย์จะพิจารณาให้เหมาะกับแต่ละเคส

ต้องใช้เวลาฟื้นตัวนานไหม ?

โดยทั่วไปใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 3-7 วัน แล้วจึงสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

ใครบ้างที่เหมาะกับการปลูกผมถาวร ?

ผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน และมีกราฟผมบริเวณท้ายทอยเพียงพอ รวมถึงไม่มีโรคประจำตัวรุนแรง

หลังปลูกผมถาวรจะเห็นผลเมื่อไร ?

เริ่มเห็นผลลัพธ์ในช่วงเดือนที่ 3 และชัดเจนขึ้นในเดือนที่ 6-12

ผมที่ปลูกไปจะร่วงอีกไหม ?

โดยทั่วไปจะมีโอกาสร่วงเล็กน้อยในช่วงแรก ซึ่งเป็นกระบวนการปกติที่เรียกว่า Shock Loss แต่ในระยะยาว รากผมที่ปลูกใหม่จะยังคงอยู่ โดยจะร่วงน้อยกว่าผมเดิม และเจริญเติบโตใหม่ได้ตามวงจรชีวิตของเส้นผม

แพทย์หญิงภัทรา ภิญโญภาวศุทธิ (หมอเบนซ์)

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมและศัลยกรรมเส้นผมที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ปริญญาโทด้านตจวิทยา (ผิวหนัง) จาก King's College London ได้รับการรับรองจาก American Board of Hair Restoration Surgery และเป็นสมาชิก ISHRS หมอเบนซ์มีประสบการณ์การทำงานที่ DHT Clinic และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และปัจจุบันให้บริการที่คลินิกปลูกผม Grow & Glow โดยมุ่งเน้นการรักษามาตรฐานระดับสากล


ปรึกษาออนไลน์ฟรีกับคุณหมอ