ปลูกผม VS บำรุงผม แบบไหนดีกว่ากัน?
ในแต่ละวัน เส้นผมของเราจะร่วงประมาณ 50 – 100 เส้น หรือถ้าหากวันไหนสระผม ก็อาจจะร่วงประมาณ 200 เส้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และไม่ได้น่ากังวลแต่อย่างใด เพราะคนเรามีเส้นผมบนศีรษะมากกว่า 100,000 เส้น การที่ผมร่วงเพียงเล็กน้อย จึงไม่ได้เป็นที่สังเกตได้ชัดขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม หากคุณมีเส้นผมร่วงมากกว่าปกติจนสามารถสังเกตเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็น ปริมาณเส้นผมที่ร่วงตามพื้น มีเส้นผมจับเป็นก้อนในแปรง บนหมอน หรือสังเกตผมบาง หรือศีรษะล้านเป็นหย่อมๆ นั่นแสดงว่าคุณอาจกำลังจะมีภาวะผมร่วงอยู่
แล้วภาวะผมร่วงที่เกิดขึ้นนี้ ควรรักษาด้วยวิธีไหนดี? ปลูกผม VS บำรุงผม แบบไหนดีกว่ากัน? เราจะพาคุณไปหาคำตอบเอง
เช็กระดับผมร่วงของคุณ
ก่อนที่คุณจะไปดูว่าควรรักษาอาการผมร่วงด้วยวิธีไหนดี คุณควรที่จะแยกระดับความรุนแรงของอาการผมร่วงของตนเองให้ได้เสียก่อน โดยอาการผมร่วง จะแบ่งความรุนแรงออกเป็น 3 ระดับ มีรายละเอียดดังนี้
1. ผมร่วงในระดับน้อย
อาการผมร่วงในระดับน้อย เป็นอาการที่ผมร่วงมากกว่าปกติเป็นครั้งคราว เช่นในวันที่สระผมที่ผมอาจจะร่วงมากกว่าปกติ หรือประมาณ 200 เส้น ซึ่งไม่ได้เป็นอันตรายแต่อย่างใด เพราะจะมีเส้นผมใหม่ขึ้นมาทดแทนเส้นผมที่ร่วงอยู่แล้ว
2. ผมร่วงในระดับปานกลาง
ผมร่วงในระดับปานกลาง จะมีลักษณะผมร่วงเป็นหย่อม ๆ หรือผมร่วงบางจุดของศีรษะจนสังเกตเห็นได้ชัด เราเรียกอาการนี้ว่า “โรคผมร่วงเป็นหย่อม” (Alopecia Areata) ซึ่งคาดว่าเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่ไปทำลายต่อมรากผมจนทำให้ผมร่วง
โรคผมร่วงเป็นหย่อมนั้น ไม่ได้ถือว่าเป็นภาวะรุนแรง แต่จำเป็นที่จะต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะอาจจะทำให้ผมร่วงกว้างขึ้นได้ โดยสามารถรักษาได้หลายวิธี เช่น ใช้ยาทาเฉพาะที่แก้ผมร่วง Minoxidil ใช้ยาทาหรือยาฉีดกลุ่มสเตียรอยด์ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันบริเวณรอยโรค เป็นต้น
3. ผมร่วงในระดับมาก
อาการผมร่วงในระดับมาก คือ อาการผมร่วงมากเป็นบริเวณกว้าง เช่น บริเวณหน้าผากฝั่งซ้ายและขวา หรือบริเวณตรงกลางเหนือหน้าผากขึ้นไป หรือบางคนอาจผมร่วงทั้งศีรษะ ถ้าหากมีอาการแบบนี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางรักษาที่เหมาะสมกับตนเองจะดีที่สุด
4 วิธีสุดฮิตสำหรับชาวผมร่วง ผมบาง
หากคุณกำลังสงสัยว่า จะแก้ปัญหาผมร่วง ผมบางด้วยวิธีไหนดี? วิธียอดฮิตอย่างปลูกผม และบำรุงผม ควรเลือกวิธีไหน? ในบทความนี้เราพาเจาะลึก 4 วิธีสุดฮิตรักษาอาการผมร่วง ผมบางมาฝากกัน
1. ปลูกผม
หากคุณมีอาการผมร่วงระดับรุนแรงมาก ซึ่งไม่สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยา หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผมทั่วไป การปลูกผมก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการแก้ปัญหาของคุณ โดยแพทย์จะทำการย้ายเซลล์รากผมที่แข็งแรงมาปลูกในบริเวณที่ผมร่วงไป ซึ่งจะช่วยให้บริเวณที่ไม่มีเส้นผมกลับมามีเส้นผมอีกครั้งหนึ่ง ช่วยแก้ปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน ได้อย่างถาวร!
ข้อดีของการปลูกผม
- เส้นผมที่งอกใหม่จะแข็งแรงกว่าเดิม
- เส้นผมที่งอกใหม่มีวงจรชีวิตเหมือนกับเส้นผมทั่วไปสามารถร่วงและเกิดใหม่ได้
- พักฟื้นน้อย สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- สามารถทำซ้ำได้ ถ้าอยากให้ผมหนาขึ้นอีก
- ผมสวยงาม เป็นธรรมชาติ
ข้อเสียของการปลูกผม
- ต้องมีผมที่ท้ายทอย หรือหลังกกหูมากพอที่จะนำไปปลูก
- ผมที่จะนำไปปลูกต้องแข็งแรงมากพอ
2. ฉายแสง LED
การฉายแสง LED เป็นการฉายแสงสีแดงลงบริเวณเส้นผมและหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะ สารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์รากผมได้อย่างเต็มที่ ทำให้รากผมแข็งแรง รวมทั้งช่วยกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม และลดอัตราการร่วงของเส้นผมได้ วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง
ข้อดีของการฉายแสง LED
- ไม่เจ็บ ไม่มีการผ่าตัด
- สามารถทำควบคู่กับทรีตเมนต์ผมอื่น ๆ ได้
- ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำการรักษา
- ไม่มีแผลเป็น
ข้อเสียของการฉายแสง LED
- เหมาะสำหรับอาการผมร่วงในระดับเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้น หากกรณีศีรษะล้าน ไม่มีรากผมแล้ว วิธีการรักษาอื่นจะตอบโจทย์มากกว่า
3. กินยา
การกินยาแก้ผมร่วง ผมบาง เป็นวิธีเบสิกและง่ายที่สุด เพราะยากินแก้ผมร่วงมีขายตามร้านขายยาทั่วไป โดยยาที่นิยมใช้ ได้แก่ ยาไฟแนสเตอรายด์ อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้ซื้อยามากินเอง ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญหรือเภสัชกร เพื่อให้แพทย์ได้ประเมินถึงปัญหา ทำการจ่ายยา และแจ้งระยะเวลาในการกินยาว่า ควรกินต่อเนื่องนานแค่ไหน
ข้อดีของการกินยา
- สะดวก สามารถหาซื้อยาได้ตามร้านขายยาทั่วไป
- ไม่เจ็บตัว ไม่ต้องผ่าตัด
- ไม่ต้องพบแพทย์บ่อย
- หากตอบสนองยาได้ดีจะเห็นผลชัดเจน
ข้อเสียของกินยา
- สามารถแก้อาการผมร่วง ผมบางได้แค่ระยะแรกและระยะกลาง หากเป็นมากกว่านั้น อาจไม่ได้ผล ต้องใช้วิธีการรักษาอื่นร่วมด้วย
- อาจมีผลข้างเคียง เช่น ยาไฟแนสเตอรายด์อาจจะทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลง ปริมาณน้ำอสุจิลดลง
- ยาบางชนิดมีข้อจำกัด เช่น ยาไฟแนสเตอรายด์ใช้ได้เฉพาะเพศชายเท่านั้น หากใช้ในผู้หญิงจะไม่เห็นผล
- หากหยุดยาเส้นผมจะกลับมาบางเช่นเดิม
- ผลลัพธ์ที่ได้แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผม หนังศีรษะในตอนใช้ยา และตำแหน่งที่ต้องการให้ผมหนาขึ้น
4. บำรุงแบบธรรมชาติ
การบำรุงผม เป็นการดูแลเส้นผมด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมในการบำรุงเส้นผมโดยเฉพาะ โดยอาจอยู่ในรูปของทรีตเมนต์ เซรั่มวิตามิน หรือยาแก้ผมร่วงก็ได้ ซึ่งสรรพคุณในการบำรุงผมจะแตกต่างกันไปตามแต่ละผลิตภัณฑ์
ข้อดีของการบำรุงผม
- สามารถช่วยแก้ปัญหาผมร่วง ผมบางในระดับน้อยได้
- บางผลิตภัณฑ์อาจสามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ไปเลี้ยงหนังศีรษะมากขึ้น ช่วยให้หนังศีรษะแข็งแรงขึ้น และเส้นผมกลับมาหนาเหมือนเดิม
- ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องเจ็บตัว สามารถใช้ได้ในทุก ๆ วัน
- มีราคาที่ถูกกว่าการปลูกผม
ข้อเสียของการบำรุงผม
- เหมาะสำหรับอาการผมร่วงในระดับเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้น
- ต้องทำสม่ำเสมอ และใช้ระยะเวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์
สรุปแล้ว เลือกวิธีไหนดีที่สุด?
จะเห็นได้ว่า การที่คุณจะเลือกแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง ด้วยการปลูกผม การฉายแสง LED การกินยา หรือการบำรุงแบบธรรมชาติ จะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรง และสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงเป็นหลัก
หากอาการผมร่วงของคุณเป็นอาการผมร่วงในระดับเล็กน้อยถึงปานกลางที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม เช่น ชอบหวีผมแรง ๆ เกาผมบ่อย ๆ หรือเกิดจากอาการแพ้ยาสระผม หรือเป็นโรคผมร่วงเป็นหย่อม การฉายแสง LED การกินยา หรือการบำรุงแบบธรรมชาติก็อาจช่วยแก้ปัญหาของคุณได้
ส่วนใครที่มีอาการผมร่วงในระดับรุนแรงมาก มีอาการผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ที่เกิดจากพันธุกรรม หรือฮอร์โมน ก็จำเป็นที่จะต้องรักษาด้วยการปลูกผมถึงจะดีกว่า เพราะการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผมทั่วไป ไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้
แต่ไม่ว่าจะมีอาการผมร่วงในระดับใด เมื่อเกิดอาการผมร่วงแล้ว แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจหาสาเหตุและเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสมจะดีที่สุด ไม่ควรซื้อยามาใช้ด้วยตนเอง เพราะอาจทำให้อาการผมร่วงรุนแรงขึ้นได้
สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน แล้วต้องการรักษาอาการผมบางให้ดีขึ้นอย่างถาวร สามารถติดต่อนัดหมายผ่าน Line OA @clinicgrowandglow หรือโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 084 501 9989 ได้เลย คุณหมอของเราพร้อมให้การดูแลอย่างใกล้ชิด ประเมินและวางแผนการรักษาแบบตัวต่อตัว มั่นใจได้เลยว่าคุณจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดแน่นอน!