
ผมเสียจากการทำสีแก้ยังไง ? รวมวิธีฟื้นฟูผมแห้งให้กลับมาสลวย
การทำสีผม คือวิธียอดฮิตในการเปลี่ยนลุคให้ดูสดใสขึ้นได้ในทันที แต่เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอปัญหาตามมาหลังทำสี เช่น ผมแห้งกรอบ ชี้ฟู ขาดง่าย หรือแม้กระทั่งหลุดร่วงมากกว่าปกติ โดยปัญหาเหล่านี้มักไม่ได้เกิดขึ้นทันทีหลังทำสี แต่จะค่อย ๆ แสดงอาการให้เห็นเมื่อเส้นผมสูญเสียความแข็งแรงจากภายใน ดังนั้น หากคุณกำลังคิดจะทำสีผม หรือเคยทำสีแล้วผมเสียจนหมดความมั่นใจ บทความนี้จะช่วยให้เข้าใจว่า ผมเสียจากการทำสีเกิดขึ้นได้อย่างไร และมีวิธีแก้ผมเสียจากการกัดสีผมแบบไหนบ้างที่ได้ผลจริง พร้อมคำแนะนำก่อนตัดสินใจทำสีครั้งถัดไปอย่างปลอดภัย

การทำสีผมส่งผลต่อสุขภาพเส้นผมอย่างไร ?
ก่อนจะไปรู้ว่าผมเสียจากการทำสีแก้ยังไง ต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจก่อนว่ากระบวนการทำสีผม ไม่ว่าจะเป็นการฟอกผม (Bleach), การทำสีถาวร (Permanent Color), หรือการโทนสีผม (Toning) ล้วนมีจุดร่วมที่สำคัญคือ “การเปิดเกล็ดผม” ซึ่งเป็นด่านป้องกันชั้นนอกสุดของเส้นผม โดยผลเสียจะค่อย ๆ เกิดขึ้นตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. โครงสร้างของเส้นผม
เส้นผมประกอบด้วยโปรตีนเคราติน (Keratin) เป็นหลัก ชั้นนอกสุดของเส้นผมคือ Cuticle หรือเกล็ดผม มีลักษณะคล้ายกระเบื้องมุงหลังคาซ้อนกันเรียงแน่น เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำและความเสียหายจากภายนอก
2. เมื่อทำสีเกิดอะไรขึ้น
สารเคมีในน้ำยาฟอกและน้ำยาย้อมจะเข้าไปเปิดเกล็ดผมแล้วแทรกซึมถึงชั้นกลางที่เรียกว่า Cortex เพื่อทำลายเม็ดสีธรรมชาติ (Melanin) และแทนที่ด้วยเม็ดสีใหม่ กระบวนการนี้ทำให้โครงสร้างเคราตินเสียหาย เกล็ดผมไม่สามารถปิดสนิทได้เหมือนเดิม ส่งผลให้เส้นผมแห้ง ชี้ฟู แตกปลาย และเปราะขาดได้ง่าย
3. ทำสีซ้ำบ่อย = เสี่ยงผมช็อต
การฟอกและทำสีถี่ ๆ โดยไม่เว้นช่วงให้เส้นผมได้ฟื้นฟู อาจทำให้โปรตีนในแกนผมสลายจนหมดจนเกิดสภาวะ “ผมช็อต” หรือ “Elastic Hair” คือผมที่ดึงแล้วขาดง่ายเหมือนหนังยางเก่า ไม่มีแรงต้านทานหลงเหลืออยู่เลย
ผมเสียจากการทำสีแก้ยังไง ?
เมื่อเส้นผมได้รับความเสียหายจากการทำสี การเร่งฟื้นฟูอย่างเหมาะสมจะช่วยลดปัญหาผมแห้งชี้ฟู และฟื้นความยืดหยุ่นให้โครงสร้างผมได้อีกครั้ง โดยวิธีแก้ผมเสียจากการกัดสีผมที่แนะนำมีดังนี้
- หยุดทำสี ฟอก หรือใช้ความร้อนซ้ำ ๆ ชั่วคราว : วิธีแก้ผมเสียจากการกัดสีผมที่พื้นฐานที่สุดคือปล่อยให้ผมได้พักจากสารเคมีและความร้อนอย่างน้อย 2-3 เดือน เพื่อลดความเสี่ยงในการทำลายชั้น Cuticle และให้โปรตีนในเส้นผมมีโอกาสสมานตัว
- ใช้แชมพูและคอนดิชันเนอร์สูตรฟื้นฟูสำหรับผมทำสี : ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีซัลเฟต (SLS/SLES-free) เพื่อไม่ให้ขจัดน้ำมันตามธรรมชาติจนเกินไป และเน้นสูตรที่มีโปรตีนเคราติน, เซราไมด์ หรือกรดอะมิโน เพื่อช่วยเสริมสร้างโครงสร้างผม
- บำรุงล้ำลึกด้วย Hair Mask หรือ Treatment สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง : เลือกสูตรที่มีส่วนผสมเข้มข้น เช่น ไฮโดรไลซ์เคราติน, น้ำมันอาร์แกน, น้ำมันโจโจบา หรือโปรตีนจากพืช เพื่อเติมเต็มช่องว่างที่เกิดขึ้นภายในเส้นผม
- เล็มผมแตกปลายเป็นประจำ การตัดปลายผมทุก 1-2 เดือนจะช่วยลดการแตกปลายลุกลาม และทำให้ผมดูสุขภาพดีมากขึ้น
- ใช้ซีรัมหรือออยล์ปิดเกล็ดผมหลังสระ อีกหนึ่งวิธีแก้ผมเสียจากการกัดสีผมคือ การใช้ Leave-in Serum ที่มีซิลิโคนหรือออยล์ธรรมชาติ พร้อมช่วยเคลือบผิวผม ลดการสูญเสียความชุ่มชื้น และช่วยให้ผมเรียบลื่นมากขึ้น
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม หากมีอาการร่วม เช่น ผมร่วงผิดปกติ หากมีอาการผมหลุดร่วงมากผิดปกติ คัน หรือระคายเคืองหนังศีรษะ ควรเข้ารับการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ เพราะอาจเกิดจากปัจจัยลึก เช่น การอักเสบใต้รูขุมขน หรือภาวะแพ้สารเคมีตกค้าง

ก่อนทำสีควรรู้อะไรบ้าง ?
แม้การทำสีผมจะช่วยเปลี่ยนลุคให้ตรงใจได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็มีผลเสียเช่นกันตามที่ได้อธิบายไปข้างต้น อย่างไรก็ดี การเตรียมตัวและตัดสินใจอย่างรอบคอบจะช่วยลดความเสียหายได้ในระยะยาว โดยแนวทางที่ควรรู้มีดังนี้
- ทำสีบนพื้นฐานผมที่แข็งแรงเท่านั้น : หากผมแห้งกรอบ แตกปลาย หรือเคยฟอกมาก่อน ควรพักการทำสีและเน้นบำรุงก่อนเสมอ เพื่อป้องกันการช็อตหรือขาดหลุด
- เลือกช่างที่มีความเชี่ยวชาญ : ช่างทำสีที่เข้าใจโครงสร้างผมและเคมีของน้ำยาจะสามารถเลือกเปอร์เซ็นต์ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ได้เหมาะสม ลดโอกาสเกิดความเสียหายลึก
- เตรียมตัวล่วงหน้าด้วยการบำรุงผม : ก่อนทำสี 1-2 สัปดาห์ ควรบำรุงล้ำลึกด้วยโปรตีนหรือทรีตเมนต์ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้เกล็ดผมปิดได้ดีขึ้น
- ทำสีบ่อยแค่ไหนดี ? : โดยทั่วไป ไม่ควรทำสีหรือฟอกซ้ำถี่กว่าเดือนละ 1 ครั้ง และควรเว้นช่วงการเปลี่ยนสีแรง ๆ อย่างน้อย 3-6 เดือน
ถึงแม้จะทราบว่าผมเสียจากการทําสีต้องแก้ยังไง แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทำสีผมเป็นชีวิตจิตใจก็อาจจะเป็นเรื่องยาก โดยสำหรับผู้หญิงที่ผ่านการทำสี ฟอก หรือจัดแต่งทรงบ่อย ๆ จนแนวไรผมเริ่มร่นขึ้น ดูบางหรือไม่เท่ากัน และอยากได้แนวไรผมที่เป็นธรรมชาติและกรอบหน้าเข้ารูปมากขึ้น การปลูกไรผมผู้หญิงถาวรอาจเป็นคำตอบที่ดีกว่า โดยเฉพาะที่ Grow & Glow Clinic ซึ่งดูแลโดยแพทย์หญิงภัทรา ภิญโญภาวศุทธิ (หมอเบนซ์) แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการปลูกผมที่ได้รับการรับรองจากสถาบันระดับนานาชาติ พร้อมดูแลทุกเคสด้วยความละเอียดอ่อนเหมาะกับเส้นผมผู้หญิงโดยเฉพาะ กรอกฟอร์มเพื่อรับคำปรึกษาออนไลน์ฟรีกับหมอเบนซ์ได้เลยวันนี้ หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ LINE: @clinicgrowandglow หรือโทร. 084-501-9989
ข้อมูลอ้างอิง
- The physical and chemical disruption of human hair after bleaching. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 จาก https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/30229956/
- 13 Expert-Approved Tips to Fix Bleached, Damaged, and Over-Processed Hair . สืบค้นเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 จาก https://www.byrdie.com/how-to-fix-bleached-hair