
หนังศีรษะแห้งคืออะไร อันตรายไหม ? รู้ครบที่นี่
‘หนังศีรษะแห้ง (Dry Scalp)’ อาจดูเป็นปัญหาเล็กน้อยที่เกิดขึ้นชั่วคราว แต่จริง ๆ แล้วสามารถนำไปสู่อาการอื่น ๆ ที่รุนแรงขึ้นได้ เช่น อาการผมบางและผมร่วง หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ปัญหานี้จึงไม่ใช่เรื่องที่ควรละเลย ดังนั้น บทความนี้จึงจะพาไปรู้จักกับปัญหาหนังศีรษะแห้งในเชิงลึก ตั้งแต่สาเหตุ อาการ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงวิธีป้องกันและดูแลตัวเอง เพื่อแก้อาการผมบางและผมร่วงก่อนจะลุกลามจนรักษาได้ยาก

หนังศีรษะแห้งคืออะไร ?
หนังศีรษะแห้งจนลอกเป็นภาวะที่เกิดจากผิวหนังบนศีรษะขาดความชุ่มชื้น ส่งผลให้เกิดอาการระคายเคือง คัน หรือหนังศีรษะลอกคล้ายรังแค ภาวะนี้ไม่ได้เกิดจากเชื้อราหรือการติดเชื้อ แต่ส่วนใหญ่มักมาจากปัจจัยภายในร่างกายและสิ่งแวดล้อมรอบตัว โดยหากไม่ได้รับการดูแลก็อาจลุกลามทำให้หนังศีรษะไม่แข็งแรงจนผมร่วงผมบางได้
สาเหตุของหนังศีรษะแห้ง
- อากาศและสิ่งแวดล้อม
ภาวะหนังศีรษะแห้งจนลอกมีโอกาสที่จะเกิดจากอากาศแห้งเย็นหรือความเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลส่งผลให้หนังศีรษะสูญเสียความชุ่มชื้น เช่น ฤดูหนาวที่มีความชื้นต่ำ หรือการอยู่ในห้องแอร์นาน ๆ - การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม
การเลือกใช้แชมพูหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่มีสารเคมีรุนแรง เช่น ซัลเฟตหรือแอลกอฮอล์ อาจทำลายน้ำมันตามธรรมชาติของหนังศีรษะ ทำให้เกิดความแห้งและระคายเคืองได้ - สุขภาพร่างกาย
ภาวะสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) โรคผื่นภูมิแพ้ (Eczema) หรือปัญหาฮอร์โมนที่ไม่สมดุล ก็เป็นต้นเหตุของหนังศีรษะแห้งได้เช่นกัน - โภชนาการและการดื่มน้ำ
การขาดสารอาหารที่จำเป็น เช่น กรดไขมันโอเมกา 3, วิตามินอี และการดื่มน้ำไม่เพียงพอ ล้วนส่งผลให้ผิวหนังและหนังศีรษะสูญเสียความชุ่มชื้น
อาการของหนังศีรษะแห้ง
- คันหรือระคายเคืองบริเวณหนังศีรษะ : ความรู้สึกคันบนหนังศีรษะเป็นสัญญาณเริ่มต้นที่พบได้บ่อย อาการคันนี้อาจเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ หรือเกิดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสอากาศเย็นหรือแห้ง
- หนังศีรษะลอกเป็นแผ่นเล็ก ๆ คล้ายรังแค : หนังศีรษะที่ขาดความชุ่มชื้นมักจะลอกออกมาเป็นแผ่นเล็ก ๆ โดยอาจดูคล้ายรังแค แต่แตกต่างตรงที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อราหรือการติดเชื้อ การลอกนี้เกิดจากเซลล์ผิวหนังที่แห้งและหลุดออกลงมา ซึ่งอาจมองเห็นได้ชัดเจนเมื่อใส่เสื้อผ้าสีเข้ม
- ผมขาดความเงางาม ดูแห้งเสีย : หนังศีรษะที่แห้งทำให้เส้นผมสูญเสียความชุ่มชื้นตามไปด้วย ส่งผลให้ผมดูแห้ง ชี้ฟู ขาดความเงางาม และอ่อนแอ ส่งผลให้แตกปลายหรือหลุดร่วง
- รู้สึกหนังศีรษะตึงหลังสระผม : การสระผมที่ล้างน้ำมันธรรมชาติออกมากเกินไป อาจทำให้หนังศีรษะแห้งตึง โดยเฉพาะหากใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่รุนแรง ความตึงนี้อาจนำไปสู่อาการระคายเคืองในระยะยาว
ผลกระทบระยะยาว
ถ้าปัญหาหนังศีรษะแห้งไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาการอาจลุกลามและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเส้นผมและหนังศีรษะในระยะยาว ดังนี้
- รากผมอ่อนแอ : หนังศีรษะที่แห้งและขาดการบำรุงทำให้รากผมสูญเสียความแข็งแรง ส่งผลให้ผมหลุดร่วงง่ายขึ้น นอกจากนี้ การที่หนังศีรษะไม่ได้รับความชุ่มชื้นเพียงพอทำให้การไหลเวียนโลหิตในบริเวณดังกล่าวลดลง ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม
- ผมบางและผมร่วงลุกลาม : การที่หนังศีรษะอยู่ในสภาพแห้งตลอดเวลา ผลลัพธ์ที่ตามมาคือหนังศีรษะไม่แข็งแรงจนนำไปสู่การผมร่วงผมบางได้ เพราะเส้นผมใหม่ที่งอกขึ้นมาไม่แข็งแรงเท่าที่ควร
- เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ : เมื่อหนังศีรษะแห้งและลอก อาจเกิดรอยแผลเล็ก ๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า รอยแผลเหล่านี้เป็นจุดที่แบคทีเรียหรือเชื้อราอาจเข้าสู่ผิวหนัง ทำให้เกิดการติดเชื้อที่รุนแรงขึ้น เช่น การอักเสบของรูขุมขนหรือปัญหาหนังศีรษะอักเสบเรื้อรัง

วิธีดูแลและป้องกันหนังศีรษะแห้ง
การดูแลและป้องกันปัญหาหนังศีรษะแห้งเริ่มต้นได้ง่าย ๆ จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม รวมถึงการปรับปรุงด้านโภชนาการและการดูแลสุขภาพส่วนตัว ดังนี้
- เลือกแชมพูที่เหมาะสม : เลือกใช้แชมพูสูตรอ่อนโยนที่ปราศจากสารซัลเฟตและแอลกอฮอล์ เนื่องจากสารเคมีเหล่านี้ทำให้หนังศีรษะแห้งและระคายเคือง ส่วนถ้าถามว่าหนังศีรษะแห้งผมร่วงควรใช้อะไรดี ก็แนะนำให้มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ เช่น น้ำมันอาร์แกน น้ำมันมะพร้าว หรือสารสกัดจากว่านหางจระเข้
- หลีกเลี่ยงการสระผมบ่อยเกินไป : การสระผมที่บ่อยเกินไป เช่น ทุกวันหรือวันละหลายครั้ง อาจทำให้น้ำมันธรรมชาติบนหนังศีรษะถูกล้างออกจนหมด ควรลดความถี่เหลือ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือเลือกใช้แชมพูแบบ Dry Shampoo เพื่อลดความมันชั่วคราว
- บำรุงด้วยซีรัมหรือมาสก์บำรุงหนังศีรษะ : การใช้ซีรัมหรือมาสก์บำรุงหนังศีรษะที่มีส่วนผสมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เช่น กรดไฮยาลูรอนิก น้ำมันโจโจบา หรือโปรวิตามินบี 5 สามารถช่วยฟื้นฟูสภาพหนังศีรษะได้ดี
- ปรับพฤติกรรมการใช้ความร้อน : ลดการใช้ไดร์เป่าผมที่อุณหภูมิสูง รวมถึงการใช้เครื่องหนีบหรือม้วนผม เพราะความร้อนจะทำให้หนังศีรษะและเส้นผมสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย หากจำเป็นควรใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนก่อนทุกครั้ง
- เพิ่มการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ : อาหารที่มีกรดไขมันโอเมกา 3 เช่น ปลาแซลมอน ถั่ววอลนัต หรือเมล็ดแฟลกซ์ ช่วยบำรุงสุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมได้ดี รวมถึงการเพิ่มวิตามินอีจากอะโวคาโดและน้ำมันมะกอกในมื้ออาหาร
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ : การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนังจากภายในสู่ภายนอก ซึ่งรวมถึงหนังศีรษะด้วย
ถ้าคุณกำลังกังวลใจกับปัญหาหนังศีรษะแห้ง รวมถึงประสบปัญหาผมร่วงผมบางที่อาจส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเอง สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เฉพาะทางได้ที่ Grow & Glow Clinic คลินิกปลูกผมและคลินิกรักษาผมบางโดยแพทย์หญิงภัทรา ภิญโญภาวศุทธิ (หมอเบนซ์) ที่สำเร็จการศึกษาเฉพาะทางจาก ISHRS และได้รับวุฒิบัตร American Board ด้านการศัลยกรรมปลูกผมระดับโลก มั่นใจได้ในทุกขั้นตอนด้วยการประเมินอย่างตรงจุด พร้อมเทคโนโลยีและอุปกรณ์ทันสมัย ดูแลโดยทีมงานที่มีประสบการณ์กว่า 17 ปี ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากกว่า 5,000 เคส กรอกแบบฟอร์มวันนี้เพื่อรับคำปรึกษาออนไลน์กับคุณหมอ ฟรี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE: @clinicgrowandglow หรือโทร. 084-501-9989
ข้อมูลอ้างอิง
- Remedies for Dry Scalp. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 จาก https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/remedies-for-dry-scalp
- The difference between dandruff and a dry scalp. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 จาก https://www.medicalnewstoday.com/articles/320988