
ผมร่วงเพราะขาดวิตามินดี ? ตอบทุกข้อสงสัยให้กระจ่าง
เส้นผม คือภาพสะท้อนสุขภาพโดยรวมที่มักถูกมองข้าม เพราะหลายคนคิดว่าเส้นผมเป็นแค่องค์ประกอบเล็ก ๆ ของร่างกาย แต่ในความเป็นจริง ผมร่วงผิดปกติอาจเป็นสัญญาณเตือนจากภายใน โดยเฉพาะเมื่อสัมพันธ์กับระดับ “วิตามินดี” ในร่างกาย บทความนี้จึงจะพาไปสำรวจความเชื่อมโยงระหว่างการขาดวิตามินดีกับการร่วงของเส้นผม เพื่อหาคำตอบว่า “การขาดวิตามินดีทำให้ผมร่วงได้จริงหรือ ?”

วิตามินดีคืออะไร และทำไมจึงสำคัญต่อร่างกาย ?
วิตามินดี (Vitamin D) เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน มีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมนที่สามารถควบคุมการทำงานของยีนหลายพันชนิดในร่างกาย หน้าที่หลักของวิตามินดีคือการควบคุมการดูดซึมแคลเซียม และ ฟอสฟอรัส ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพกระดูกและฟัน นอกจากนี้ วิตามินดียังมีบทบาทต่าง ๆ ดังนี้
- กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ควบคุมการอักเสบในร่างกาย
- สนับสนุนการเจริญเติบโตของเซลล์ รวมถึงเซลล์รูขุมขน (Hair Follicles) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของเส้นผม
โดยเฉพาะในเรื่องของเส้นผม วิตามินดีมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับการทำงานของรูขุมขน การขาดวิตามินดีจึงอาจทำให้เกิดภาวะผมร่วงในระยะยาวได้
วิตามินดีกับวงจรชีวิตของเส้นผม
เส้นผมของเรามีวงจรชีวิตที่แบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่
- Anagen (ระยะเจริญเติบโต) – เส้นผมงอกใหม่
- Catagen (ระยะพักตัวชั่วคราว) – เซลล์ผมหยุดแบ่งตัว
- Telogen (ระยะพัก) – เส้นผมหลุดร่วง
วิตามินดีทำหน้าที่สำคัญในช่วง Anagen โดยไปกระตุ้นตัวรับวิตามินดี (Vitamin D Receptors) ในเซลล์รูขุมขน เพื่อกระตุ้นให้เส้นผมเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยหากร่างกายขาดวิตามินดี ระบบนี้จะหยุดชะงัก เส้นผมจะเข้าสู่ระยะ Telogen เร็วขึ้น และอาจไม่สามารถเข้าสู่ระยะ Anagen ได้เต็มที่ ส่งผลให้เส้นผมบางลง หรือหลุดร่วงมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ : ขาดวิตามินดี = ผมร่วง ?
งานวิจัยหลายชิ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สนับสนุนความเชื่อมโยงระหว่างระดับวิตามินดีต่ำ กับ ปัญหาผมร่วง โดยเฉพาะในภาวะเหล่านี้
- Alopecia Areata – โรคผมร่วงเป็นหย่อม เกี่ยวข้องกับการทำงานผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งวิตามินดีมีบทบาทในการปรับสมดุลภูมิคุ้มกัน
- Telogen Effluvium – ภาวะผมร่วงชนิดเฉียบพลัน มักเกิดหลังความเครียด การเจ็บป่วย หรือการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน ซึ่งวิตามินดีอาจช่วยลดความรุนแรงของภาวะนี้
- Androgenetic Alopecia – ศีรษะล้านแบบกรรมพันธุ์ แม้จะมีปัจจัยหลักจากฮอร์โมนและพันธุกรรม แต่งานวิจัยบางชิ้นพบว่าผู้ที่มีภาวะนี้มักมีระดับวิตามินดีต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
แม้จะยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่าผมร่วงเกิดจากขาดวิตามินโดยตรง แต่หลักฐานปัจจุบันชี้ชัดว่าเป็นปัจจัยร่วมที่ส่งผลต่อความรุนแรงและความยาวนานของภาวะผมร่วงอย่างมีนัยสำคัญ
สาเหตุของการขาดวิตามินดี
- ไม่ออกแดด – วิตามินดีถูกสร้างขึ้นจากการที่ผิวหนังสัมผัสรังสี UVB หากหลีกเลี่ยงแสงแดดหรือทาครีมกันแดดตลอดเวลา อาจส่งผลให้ขาดวิตามินดี
- อายุที่เพิ่มขึ้น – ผู้สูงอายุจะมีประสิทธิภาพการสังเคราะห์วิตามินดีจากแสงแดดลดลง
- ภาวะอ้วน – ไขมันสะสมในร่างกายสามารถกักเก็บวิตามินดีไว้ ทำให้ไม่สามารถนำมาใช้ได้อย่างเพียงพอ
- โรคตับหรือโรคลำไส้บางชนิด – ส่งผลต่อการดูดซึมหรือเปลี่ยนแปลงวิตามินดีในร่างกาย
วิธีสังเกตว่าคุณกำลังขาดวิตามินดี
นอกจากผมร่วง ยังมีอาการร่วมอื่น ๆ ที่อาจเป็นสัญญาณของภาวะขาดวิตามินดี เช่น
- เหนื่อยล้าเรื้อรัง อ่อนแรงโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน
- ปวดกระดูก ปวดกล้ามเนื้อบ่อยครั้ง
- อารมณ์แปรปรวน มีแนวโน้มซึมเศร้า
- ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เป็นหวัดบ่อย
- รู้สึกว่าผมบางลงหรือหลุดร่วงมากผิดปกติ
ถ้าสงสัยว่าร่างกายขาดวิตามินดีหรือไม่ ควรตรวจเลือดเพื่อเช็กระดับ 25-Hydroxyvitamin D โดยค่าปกติอยู่ที่ 30-100 ng/mL หากต่ำกว่า 20 ng/mL ถือว่าขาดวิตามินดี

แล้วควรเสริมวิตามินดีอย่างไร ?
- แสงแดด – การให้ผิวหนังสัมผัสแสงแดดตอนเช้า 10-30 นาทีต่อวัน ช่วยกระตุ้นการสร้างวิตามินดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- อาหาร – วิตามินดีพบมากในอาหารหลายชนิดเช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ตับวัว ไข่แดง และเห็ดที่ผ่านการอบแสง UV เป็นต้น
- อาหารเสริม – ในกรณีที่ไม่สามารถรับแสงแดดหรือมีปัจจัยเสี่ยง แพทย์อาจแนะนำให้เสริมวิตามินดีในรูปแบบอาหารเสริม อย่างไรก็ตาม ต้องควบคุมปริมาณอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมมากเกินไปจนเกิดผลเสียต่อร่างกาย
วิตามินดีกับผมร่วง ความเชื่อที่มีหลักฐานรองรับ
ในอดีต หลายคนมองว่าเรื่องผมร่วงเป็นเรื่องของพันธุกรรมหรือความเครียดเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีงานวิจัยและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพียงพอที่จะบอกได้ว่า “ผมร่วงสามารถเกิดจากการขาดวิตามินดีได้” ถึงแม้จะไม่ใช่สาเหตุเดียว แต่วิตามินดีก็มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือกำลังเผชิญความเครียดสะสม
ถ้าเริ่มสังเกตว่าผมร่วงมากผิดปกติ หรือสงสัยว่าตัวเองอาจขาดวิตามินดี การเข้ารับการประเมินจากแพทย์คือทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและวางแผนการรักษาได้อย่างตรงจุด Grow & Glow Clinic คือคลินิกปลูกผมที่ดูแลโดยแพทย์หญิงภัทรา ภิญโญภาวศุทธิ (หมอเบนซ์) แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการปลูกผม (Hair Restoration Surgery) ที่ได้รับการรับรองจากสถาบันปลูกผมระดับนานาชาติ พร้อมดูแลปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านอย่างครอบคลุม กรอกฟอร์มวันนี้เพื่อรับคำปรึกษาออนไลน์กับคุณหมอ ฟรี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ LINE: @clinicgrowandglow หรือโทร. 084-501-9989
ข้อมูลอ้างอิง
- 1. Can a vitamin D deficiency cause hair loss?. สืบค้นเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 จาก https://www.medicalnewstoday.com/articles/321673
- 2. Role of vitamin D in hair loss: A short review. สืบค้นเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 จาก https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/34553483/