
ไขข้อสงสัย ฮอร์โมน DHT คืออะไร ทำให้ผมร่วง ผมบางได้อย่างไร ?
“ผมร่วง ผมบาง” คือปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้ใครหลายคน โดยเฉพาะในผู้ชาย ซึ่งหนึ่งใน “ตัวการ” สำคัญที่อยู่เบื้องหลังปัญหานี้ คือ “ฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone)” แม้ชื่อนี้อาจฟังดูไม่คุ้นหู แต่ DHT มีบทบาทสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพเส้นผมของคุณอย่างคาดไม่ถึง
Grow & Glow Clinic เข้าใจดีว่าคุณอาจกำลังเผชิญกับภาวะผมร่วงที่ทำให้ผมบางลง และสงสัยว่าฮอร์โมนนี้เกี่ยวข้องอย่างไร วันนี้เราจะพาไปรู้ว่าฮอร์โมน DHT เกิดจากอะไร ทำหน้าที่อย่างไรในร่างกาย อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อให้เข้าใจต้นตอของปัญหาและเตรียมพร้อมรับมือได้อย่างถูกวิธี
ฮอร์โมน DHT คืออะไร?
ฮอร์โมน DHT หรือดีไฮโดรเทสโทสเทอโรน (Dihydrotestosterone) เป็นฮอร์โมนเพศชายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone) ผ่านกระบวนการทำงานของเอนไซม์ 5-Alpha Reductase (5-AR) ฮอร์โมนนี้มีบทบาทสำคัญต่อพัฒนาการด้านเพศชาย รวมถึงมีส่วนเชื่อมโยงกับการเจริญเติบโตของเส้นผมและขนตามร่างกาย
หน้าที่ของฮอร์โมน DHT
- การพัฒนาลักษณะทางเพศชาย
DHT มีส่วนช่วยกำหนดลักษณะทางกายภาพของเพศชาย เช่น เสียงที่เข้มขึ้น การเจริญเติบโตของขนบนใบหน้า ลำตัว และอวัยวะเพศในช่วงวัยรุ่น - การสร้างและคงสภาพกล้ามเนื้อ
ฮอร์โมนนี้มีบทบาทร่วมกับเทสโทสเทอโรนในการกระตุ้นการสร้างมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงทางกายภาพ - การกระตุ้นการเจริญเติบโตของขนและเส้นผม
ฮอร์โมน DHT คือตัวกระตุ้นให้เส้นขนตามร่างกายหนาและยาวขึ้น อย่างไรก็ตาม ในบริเวณหนังศีรษะของผู้ที่มีความไวต่อ DHT มากเกินไป ฮอร์โมนนี้อาจทำให้รูขุมขนค่อย ๆ เล็กลงและผลิตเส้นผมที่บางลงจนเกิดปัญหาผมร่วง - การทำงานของระบบสืบพันธุ์
DHT ช่วยสนับสนุนการทำงานปกติของอวัยวะสืบพันธุ์ชาย รวมถึงมีบทบาทในความต้องการทางเพศ

ฮอร์โมน DHT ตัวการที่ทำให้เกิดภาวะผมร่วงผมบาง
แม้ DHT จะเป็นฮอร์โมนที่ช่วยกระตุ้นการสร้างขนตามร่างกาย แต่สำหรับคนที่มีพันธุกรรมศีรษะล้าน ฮอร์โมนนี้อาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เส้นผมร่วงบางลง โดยกลไกดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อฮอร์โมน DHT จับกับตัวรับแอนโดรเจน (Androgen Receptors) ที่บริเวณรากผม ส่งผลให้วงจรการเจริญเติบโตของเส้นผมสั้นลงเรื่อย ๆ เส้นผมที่งอกใหม่จึงมีขนาดเล็กลง บางลง และในที่สุดรูขุมขนอาจหยุดการผลิตเส้นผมใหม่จนเกิดภาวะศีรษะล้านถาวร
ใครบ้างที่มีแนวโน้มผมร่วงจาก DHT ?
ปริมาณฮอร์โมน DHT เพียงอย่างเดียวไม่ได้เป็นตัวชี้ชัดว่าคุณจะผมร่วงหรือไม่ แต่คือความไวของรูขุมขนต่อฮอร์โมนนี้เป็นปัจจัยหลักที่กำหนดว่าใครมีความเสี่ยงมากกว่าคนอื่น โดยกลุ่มต่อไปนี้คือผู้ที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจาก DHT มากกว่าปกติ
- ผู้ชายวัยผู้ใหญ่
ระดับฮอร์โมนเพศชายและฮอร์โมน DHT มักสูงที่สุดในผู้ชายอายุ 20-40 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่อัตราการผมร่วงแบบกรรมพันธุ์ (Androgenetic Alopecia) เริ่มแสดงชัด โดยเฉพาะบริเวณแนวหน้าผากและกลางศีรษะ - ผู้ที่มีประวัติครอบครัวศีรษะล้าน
กรรมพันธุ์มีบทบาทสำคัญต่อความไวของตัวรับแอนโดรเจนในรูขุมขน หากพ่อหรือแม่มีประวัติผมร่วงจาก DHT โอกาสที่คุณจะมีภาวะเดียวกันจะสูงขึ้น - ผู้หญิงที่มีความผิดปกติของฮอร์โมน
ฮอร์โมน DHT สามารถพบในผู้หญิงและสร้างปัญหาได้เช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีภาวะฮอร์โมนเพศชายสูง เช่น กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS), ช่วงหลังคลอด หรือระยะก่อนหมดประจำเดือน - ผู้ที่มีปัจจัยกระตุ้นอื่นร่วมด้วย
เช่น ความเครียดเรื้อรัง ภาวะอักเสบของหนังศีรษะ การใช้ยาบางชนิด หรือพฤติกรรมการดูแลเส้นผมที่ทำให้รูขุมขนอ่อนแอลง จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้ DHT ส่งผลต่อผมร่วงได้ง่ายขึ้น
การรู้ว่าตนเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ ช่วยให้คุณเฝ้าระวังสัญญาณผมร่วงตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และเข้ารับการประเมินกับแพทย์เฉพาะทางเพื่อวางแผนการดูแลหรือรักษาที่เหมาะสมก่อนที่ผมจะบางถาวร
วิธีลดปริมาณฮอร์โมน DHT อย่างปลอดภัยและได้ผล
เมื่อร่างกายมีฮอร์โมน DHT มากเกินไปจนทำให้เกิดปัญหาศีรษะล้าน เราสามารถป้องกันปัญหาดังกล่าวได้โดยการลดปริมาณของฮอร์โมนชนิดนี้ลง ซึ่งก็มี 3 วิธีลดฮอร์โมน DHT อย่างปลอดภัย ดังนี้
1. ปรับพฤติกรรมและโภชนาการ
พฤติกรรมการใช้ชีวิตและอาหารบางชนิดอาจส่งผลต่อการผลิตฮอร์โมน DHT ในร่างกาย แม้จะไม่สามารถหยุดกระบวนการสร้างฮอร์โมนนี้ได้โดยตรง แต่การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมก็ช่วยชะลอการเกิดผมร่วงได้
- ลดน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตขัดสี : ระดับอินซูลินสูงสามารถกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนเพศชายและ DHT ได้มากขึ้น
- หลีกเลี่ยงไขมันทรานส์และอาหารแปรรูป : อาหารเหล่านี้สัมพันธ์กับการอักเสบในร่างกายและอาจเร่งให้ผมร่วงไวขึ้น
- เพิ่มอาหารที่อุดมด้วยสังกะสี (Zinc) และไลโคพีน (Lycopene) : เช่น เมล็ดฟักทอง มะเขือเทศ และชาเขียว ซึ่งมีข้อมูลว่าสามารถช่วยยับยั้งเอนไซม์ 5-Alpha Reductase ที่เปลี่ยนเทสโทสเทอโรนเป็น DHT
- ดูแลน้ำหนักและลดความเครียดเรื้อรัง : ฮอร์โมนความเครียดสูงอาจรบกวนสมดุลฮอร์โมนเพศชายและเร่งผมร่วง
2. การใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์
การใช้ยาลดฮอร์โมน DHT ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากยากลุ่มนี้ทำงานโดยตรงกับเอนไซม์หรือฮอร์โมน และอาจมีผลข้างเคียง
- Finasteride และ Dutasteride (ยาต้าน DHT) : ทำงานโดยยับยั้งเอนไซม์ 5-Alpha Reductase ลดการเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนไปเป็น DHT ช่วยชะลอผมร่วงและกระตุ้นให้เส้นผมหนาขึ้นในบางราย
- Minoxidil (ยาปลูกผม) : แม้ไม่ได้ลด DHT โดยตรง แต่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและยืดระยะการเจริญเติบโตของเส้นผม จึงมักใช้ร่วมกับยาต้าน DHT เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น
- PRP Therapy (Platelet-Rich Plasma) : การฉีดเกล็ดเลือดเข้าบริเวณหนังศีรษะเพื่อฟื้นฟูรูขุมขนและเพิ่มความแข็งแรงของเส้นผม เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีอาการผมร่วง
3.การดูแลเส้นผมจากภายนอก
การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่เหมาะสม ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีลดฮอร์โมน DHT รวมถึงลดการอุดตันของรูขุมขนได้ โดยคำแนะนำในการเลือกมีดังนี้
- แชมพูหรือเซรั่มสูตรต้าน DHT : มีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงรากผมและลดการสะสมของ DHT บนหนังศีรษะ เช่น คาเฟอีน ซอว์พาล์เมตโต (Saw Palmetto) หรือไบโอติน
- หลีกเลี่ยงสารเคมีรุนแรงและความร้อนสูง : เช่น การย้อมผมบ่อย การใช้ความร้อนจากไดร์หรือเครื่องหนีบผม อาจทำให้รูขุมขนอ่อนแอและไวต่อ DHT มากขึ้น

วางแผนจัดการปัญหาผมร่วงจาก DHT กับ Grow & Glow Clinic
หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือมีประวัติครอบครัวศีรษะล้าน และกังวลว่าฮอร์โมน DHT คือสาเหตุหลัก การได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามไปถึงขั้นศีรษะล้านถาวร
ที่ Grow & Glow Clinic เรามีแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเส้นผมและการปลูกผม พร้อมประสบการณ์ตรงในการรักษาผมร่วงจากฮอร์โมน DHT ตั้งแต่การประเมินสภาพรากผม ตรวจวิเคราะห์ฮอร์โมน วางแผนการแก้ปัญหาผมร่วงเฉพาะบุคคล ไปจนถึงปลูกผมถาวร โดย Grow & Glow Clinic เป็นคลินิกปลูกผมที่มีบริการทั้งเทคนิค FUE และ FUT ภายใต้การดูแลโดยแพทย์หญิงภัทรา ภิญโญภาวศุทธิ (หมอเบนซ์) ผู้ได้รับวุฒิบัตร ISHRS Graduate Fellow in Hair Restoration Surgery และ American Board of Hair Restoration Surgery (ABHRS) ติดต่อสอบถามได้เลยที่ LINE: @clinicgrowandglow หรือโทร. 084-501-9989
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฮอร์โมน DHT และปัญหาผมร่วง
ฮอร์โมน DHT ต่างจากฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนยังไง ?
ฮอร์โมน DHT คือฮอร์โมนที่เกิดจากการเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนผ่านเอนไซม์ 5-Alpha Reductase ทำให้มีฤทธิ์กระตุ้นตัวรับแอนโดรเจนแรงกว่าเทสโทสเทอโรน และมีบทบาทชัดเจนต่อการพัฒนาลักษณะทางเพศชาย แต่ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เส้นผมร่วงบางลงในบางคน
ทำไมบางคนถึงไวต่อ DHT มากกว่าคนอื่น ?
ความไวของรูขุมขนต่อ DHT ถูกกำหนดโดยพันธุกรรม หากมีประวัติศีรษะล้านในครอบครัว ความเสี่ยงที่รูขุมขนจะตอบสนองต่อ DHT มากผิดปกติและทำให้ผมร่วงเร็วขึ้นก็สูงกว่าคนทั่วไป
ผู้หญิงสามารถมีปัญหาผมร่วงจาก DHT ได้หรือไม่?
ได้ ถึงแม้ผู้หญิงจะมีระดับฮอร์โมน DHT ต่ำกว่าในผู้ชาย แต่บางภาวะ เช่น กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) หรือความไม่สมดุลของฮอร์โมน อาจเพิ่มระดับ DHT และทำให้ผมร่วงบางลง โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะ
มีวิธีธรรมชาติลด DHT ได้ไหม ?
การเลือกรับประทานอาหารที่มีสังกะสี ไลโคพีน หรือสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น เมล็ดฟักทอง มะเขือเทศ ชาเขียว อาจช่วยยับยั้งการเปลี่ยนฮอร์โมนเป็น DHT ได้บางส่วน แต่ผลลัพธ์แตกต่างกันไปในแต่ละคน และมักไม่เพียงพอหากผมร่วงรุนแรง
ยาลด DHT ปลอดภัยหรือไม่ และมีผลข้างเคียงไหม ?
ยากลุ่ม Finasteride หรือ Dutasteride ได้รับการรับรองทางการแพทย์ว่าช่วยลด DHT ได้จริง แต่ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพราะอาจมีผลข้างเคียง เช่น ความต้องการทางเพศลดลง ปัญหาการหลั่ง หรืออารมณ์แปรปรวนในบางราย
จะรู้ได้อย่างไรว่าผมร่วงเกิดจาก DHT ?
สัญญาณบ่งบอก เช่น เส้นผมค่อย ๆ บางลงโดยเฉพาะบริเวณขมับและกลางศีรษะ หรือมีประวัติครอบครัวศีรษะล้าน แนะนำให้พบแพทย์ชำนาญการด้านเส้นผมและการปลูกผม เพื่อตรวจวิเคราะห์สภาพรากผมและระดับฮอร์โมน เพื่อวางแผนการรักษาที่แม่นยำ