การปลูกผม Micrograft ทางเลือกใหม่เพื่อศีรษะที่ดกดำ

webadmin - ธ.ค. 03, 2024

การปลูกผมด้วยวิธี Micrograft คือหนึ่งในเทคนิคการปลูกผมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและมีความปลอดภัยสูง อย่างไรก็ดี สำหรับใครที่กำลังกังวลกับปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือศีรษะล้าน และยังลังเลว่าการปลูกผม Micrograft เหมาะกับตัวเองหรือไม่ การทราบถึงรายละเอียดเทคนิคปลูกผมรูปแบบนี้ย่อมช่วยให้ตัดสินใจด้วยความมั่นใจยิ่งขึ้น รวมถึงปรึกษากับแพทย์ได้อย่างเข้าใจและเห็นภาพตรงกันได้ง่ายขึ้น

แพทย์กำลังวิเคราะห์ว่าควรใช้การปลูกผม Micrograft ดีหรือไม่

การปลูกผม Micrograft คืออะไร ?

การปลูกผมแบบ Micrograft คือเทคนิคการปลูกผมที่พัฒนามาจากวิธีการปลูกผมแบบดั้งเดิม หรือที่เรียกว่า FUT (Follicular Unit Transplantation) จุดเด่นของเทคนิคนี้คือการใช้ ‘กราฟต์ผม’ (Grafts) ที่มีขนาดเล็กมาก โดยแต่ละกราฟต์จะมีเส้นผมเพียง 1-3 เส้นเท่านั้น การใช้กราฟต์ขนาดเล็กเช่นนี้ช่วยให้ผลลัพธ์หลังการปลูกผมดูเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังช่วยลดโอกาสการเกิดแผลเป็นขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับวิธีแบบดั้งเดิม

นอกจากนี้ เทคนิคปลูกผม Micrograft ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผมบางในบริเวณที่มีขนาดเล็ก เช่น แนวไรผม หรือบริเวณที่ต้องการความละเอียดสูง

ข้อดีของการปลูกผม Micrograft

ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ

แผลเล็ก หายเร็ว

เหมาะสำหรับผู้ที่มีผมบาง

ข้อควรพิจารณาของการปลูกผม Micrograft

ใช้เวลานานกว่า

ต้องอาศัยความชำนาญสูง

ขั้นตอนการปลูกผม Micrograft

1. การเตรียมตัวก่อนการปลูกผม

2. การเก็บรากผมจากบริเวณ Donor Area

3. การปลูกผม

4. การดูแลหลังการปลูกผม

การปลูกผม Micrograft เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบาง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการปลูกผม Micrograft

  1. 1. การปลูกผม Micrograft เจ็บหรือไม่ ?
    การปลูกผม Micrograft จะใช้ยาชาเฉพาะที่ในระหว่างการทำหัตถการ ทำให้ผู้เข้ารับการรักษาไม่รู้สึกเจ็บขณะทำ อย่างไรก็ตาม อาจมีอาการตึงหรือไม่สบายเล็กน้อยหลังยาชาหมดฤทธิ์ ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวดที่แพทย์แนะนำ
  2. 2. ผลลัพธ์ของการปลูกผมจะเห็นเมื่อไร ?
    โดยปกติ เส้นผมที่ปลูกจะเริ่มงอกขึ้นใหม่ในช่วง 3-6 เดือนหลังการรักษา และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในช่วง 9-12 เดือน
  3. 3. การปลูกผม Micrograft เหมาะกับใครบ้าง ?
    การปลูกผมแบบ Micrograft เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบางเฉพาะจุด หรือผู้ที่ต้องการแก้ไขแนวไรผม เช่น ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงจากพันธุกรรม หรือศีรษะล้านในระยะเริ่มต้น
  4. 4. การปลูกผม Micrograft กับ DHI ต่างกันอย่างไร ?
    ถึงแม้ทั้ง Micrograft และ DHI จะเป็นเทคนิคการปลูกผมที่ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างในแง่กระบวนการ โดยการปลูกผมแบบ DHI ใช้เครื่องมือพิเศษที่เรียกว่า Choi Implanter Pen ทำให้สามารถปลูกเส้นผมได้โดยตรงในบริเวณที่ต้องการโดยไม่ต้องสร้างรูบนหนังศีรษะล่วงหน้า ขณะที่ Micrograft เน้นการปลูกเส้นผมด้วยกราฟต์ขนาดเล็กที่มีเส้นผม 1-3 เส้น ส่วนเทคนิคใดจะเหมาะสมกับแต่ละคนที่สุดก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและการประเมินของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

สรุป : ควรเลือกปลูกผม Micrograft หรือไม่ ?

การปลูกผม Micrograft ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและต้องการการแก้ไขปัญหาผมบางอย่างยั่งยืน แม้ว่าจะใช้เวลาและค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าเทคนิคอื่น ๆ แต่ความละเอียดและความแม่นยำที่ได้ก็นับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจควรพิจารณาจากคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เพราะแต่ละคนมีสภาพเส้นผมและปัญหาที่แตกต่างกัน การปรึกษาแพทย์จะช่วยให้คุณได้รับแนวทางที่เหมาะสมที่สุด

จากข้อมูลข้างต้น สามารถสรุปได้ว่าสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการปลูกผม Micrograft คือความชำนาญของแพทย์ ด้วยเหตุนี้ Grow & Glow Clinic จึงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะเป็นคลินิกปลูกผมที่ดำเนินการโดยแพทย์หญิงภัทรา ภิญโญภาวศุทธิ (หมอเบนซ์) ซึ่งจบการศึกษาเฉพาะทางจาก ISHRS และได้รับวุฒิบัตร American Board ด้านการปลูกผมระดับโลก พร้อมให้บริการทั้งการปลูกผม Micrograft และปลูกผมเทคนิค DHI มั่นใจได้ในทุกขั้นตอนด้วยการประเมินอย่างตรงจุด พร้อมเทคโนโลยีและอุปกรณ์ทันสมัย ดูแลโดยทีมงานที่มีประสบการณ์กว่า 17 ปี ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากกว่า 5,000 เคส กรอกฟอร์มวันนี้เพื่อรับคำปรึกษาออนไลน์กับคุณหมอ ฟรี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ LINE: @clinicgrowandglow หรือโทร. 084-501-9989

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Hair Transplants: What to Expect. สืบค้นเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 จาก https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/hair-loss/hair-transplants


ปรึกษาออนไลน์ฟรีกับคุณหมอ