ไม่อยากผมบางไม่รู้ตัว ควรรู้จักโรคดึงผมตัวเองหรือโรคถอนผมตัวเอง
หากคุณมีปัญหาผมบางโดยไม่ทราบสาเหตุ เราอยากให้คุณลองมาทำความรู้จักและสังเกตพฤติกรรมของตัวเองให้ดีเสียก่อนว่า คุณมีพฤติกรรมที่บ่งบอกถึงการเป็น “โรคดึงผมตัวเอง” หรือ “โรคถอนผมตัวเอง” ซึ่งเป็นโรคทางจิตเวชอย่างหนึ่งหรือไม่ ซึ่งแม้ว่าโรคดึงผมตัวเองนี้จะไม่ได้มีอันตรายต่อร่างกายถึงชีวิต แต่หากปล่อยไว้โดยไม่รักษาก็อาจจะเกิดผลเสียต่อร่างกาย จิตใจ และบุคลิกภาพได้
ดังนั้น เพื่อไม่ให้โรคดึงผมตัวเองเข้ามารบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน คุณควรจะทำความรู้จักสาเหตุของการเป็นโรคดึงผมตัวเอง ลักษณะอาการ และรวมถึงหาวิธีการรักษาหรือทำให้ตัวเองเลิกดึงผมให้ได้ เพื่อให้คุณกลับมามีสภาพจิตใจและบุคลิกภาพที่ดี พร้อมความมั่นใจในการเข้าสังคมที่เพิ่มมากขึ้น และแน่นอนว่าคลินิกปลูกผม Grow& Glow ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาไว้ในบทความนี้แล้ว
โรคดึงผมตัวเองเกิดจากอะไร
โรคดึงผมตัวเอง (Trichotillomania) เป็นโรคที่เกี่ยวกับภาวะทางจิตใจ ที่ทำให้ผู้ป่วยมีภาวะย้ำคิดย้ำทำและไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ มักจะพบได้มากในกลุ่มวัยรุ่นตั้งแต่ช่วงอายุ 10-17 ปี ส่วนในกลุ่มผู้ใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มีอาการเรื้อรังมาตั้งแต่วัยรุ่นและไม่ได้รับการรักษา นอกจากนี้ยังมักจะพบโรคนี้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอีกด้วย โดยผู้ป่วยจะรู้สึกสบายใจและผ่อนคลายเมื่อได้ดึงผมหรือขนบริเวณเดิมซ้ำไปเรื่อย ๆ ตลอดทั้งวัน และหากทำติดต่อกันมาเป็นเวลานานก็อาจจะทำให้ผมร่วงเป็นหย่อมและศีรษะล้านได้ในที่สุด ซึ่งลักษณะของโรคดึงผมตัวเองนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่การดึงผมเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการทำพฤติกรรมเดิมซ้ำ ๆ และไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นการดึงขนส่วนอื่นบนร่างกาย แกะผิวหนัง กัดเล็บ หรือแม้แต่การกินผมที่ดึงออกมาเข้าไป จนส่งผลให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหารในภายหลังได้อีกด้วย
อาการของโรคดึงผมตัวเอง
อาการดึงผมปัจจุบันพบผู้ป่วยในอัตรา 4% ของคนทั่วไป โดยสามารถพบได้ในทุกเพศและทุกวัย ในวัยเด็กอาจจะไม่รุนแรงแต่จะค่อย ๆ รุนแรงขึ้นเมื่ออยู่ในช่วงวัยรุ่น โดยอาการโรคดึงผมตัวเอง แบ่งเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้
- ดึงผมแบบรู้ตัว เป็นการดึงผมที่ผู้ป่วยตั้งใจดึงจากความรู้สึกไม่สบายหนังศีรษะ ความรู้สึกไม่พึงพอใจในผมของตัวเอง หรือภาวะทางอารมณ์บางอย่าง ที่ทำให้รู้สึกสบายใจหรือโล่งใจขึ้นเมื่อได้ดึงผมตัวเอง และเมื่อได้ดึงแล้วก็จะไม่สามารถยั้งมือตัวเองได้
- ดึงผมแบบไม่รู้ตัว คนที่ดึงผมโดยไม่รู้ตัว มักจะทำในเวลาเผลอ หรือล่องลอยอยู่กับความคิดและอารมณ์บางอย่าง รวมถึงในขณะที่กำลังทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น อ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ เป็นต้น ซึ่งคนที่เป็นโรคดึงผมตัวเองในลักษณะนี้ จะต้องอาศัยคนรอบข้างคอยช่วยสังเกตและตักเตือน
โรคดึงผมตัวเอง ต้องไปพบแพทย์หรือไม่
จริง ๆ แล้วโรคดึงผมตัวเองควรจะไปพบจิตแพทย์ แต่ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักไม่ได้ไปรักษากับจิตแพทย์อย่างจริงจัง เนื่องจากรู้สึกอับอายหรือคิดว่าเป็นเพียงนิสัยที่ไม่ดีที่ทำจนเคยชิน ไม่คิดว่าตนเองป่วยเป็นอะไร โดยพบว่าถ้าไม่ได้พบแพทย์เพื่อรับการรักษาจะหายเองตามธรรมชาติได้เพียง 14% เท่านั้น ในขณะที่มากกว่า 50% จะรู้สึกว่าอาการดีขึ้นในระยะเวลาอันสั้นถ้าได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
โรคดึงผมตัวเองมีวิธีการรักษาและบรรเทาอาการอย่างไรได้บ้าง
ถ้าเป็นโรคดึงผมตัวเองควรพบแพทย์ทันทีเมื่อรู้ตัว เพราะยิ่งหายเร็วก็จะยิ่งเป็นผลดี โดยแพทย์ก็จะมีวิธีการรักษาต่าง ๆ หรือแนะนำวิธีบรรเทาอาการให้เรา ดังนี้
- ลองสังเกตพฤติกรรมตัวเอง ว่ามักดึงผมตัวเองเวลาไหน เวลาเหงา เศร้า เบื่อ หรือเครียด เป็นต้น หรือชอบดึงผมในสถานการณ์ใด เช่น ขณะนั่งดูโทรทัศน์ ขณะนอนอยู่ในห้อง ฯลฯ เมื่อผู้ป่วยรู้ตัวแล้วก็จะควบคุมตัวเองได้ง่ายขึ้น
- วิธีการรักษาโรคดึงผมตัวเอง สามารถรักษาด้วยการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม โดยใช้เทคนิค Habit Reversal Training (HRT) ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยรู้เท่าทันความคิดขณะที่มีความต้องการดึงผม จัดการกับความคิดที่อาจกระตุ้นให้เกิดความเครียดจนต้องการดึงผม แล้วเปลี่ยนจากการดึงผมเป็นพฤติกรรมอื่นแทน นอกจากนี้ ยังมีเทคนิค Dialectical Behavior Therapy (DBT) และจิตบำบัดแบบ Acceptance and Commitment Therapy (ACT) ที่พบว่านำมาใช้เสริมในการบำบัดได้ผลดี
- เมื่อมีความต้องการดึงผมให้เปลี่ยนเป็นพฤติกรรมอื่นแทน เช่น หาลูกบอลลูกเล็ก ๆ มาบีบเพื่อให้ผ่อนคลายแทน ควบคุมการหายใจเพื่อผ่อนคลาย พูดย้ำเตือนตัวเองให้หยุดดึง อาบน้ำ ออกกำลังกาย วาดรูป ร้องเพลง ติดพลาสเตอร์ที่ปลายนิ้ว หรือตัดผมสั้น
- มีการใช้ยาเพื่อรักษาควบคู่ไปด้วย แต่ยังไม่มียาตัวใดที่ได้รับการยอมรับเป็นยาหลัก ยาที่มีการนำมาใช้และมีงานวิจัยสนับสนุน ได้แก่ ยาต้านเศร้ากลุ่ม Selective Serotonin Reuptake Inhibitor (SSRI), Clomipramine, Olanzapine, Dronabinol และ N-acetylcysteine (NAC)
รักษาโรคดึงผมตัวเองหายแล้ว แต่ผมยังบางทำยังไงดี
สำหรับคนที่เคยเป็นโรคดึงผมตัวเองและรักษาหายแล้ว แต่ผมที่ขึ้นกลับมีเส้นบางลง หรือขึ้นน้อยลงจนทำให้ดูศีรษะล้าน ซึ่งเกิดจากการที่รากผมถูกทำร้ายจากการดึงผมเป็นเวลานาน จนไม่สามารถสร้างผมให้หนาเท่าเดิมได้ นอกจากนี้ หากมีการดึงผมรุนแรงจนเกิดแผล ก็อาจจะมีแผลเป็นเกิดขึ้นจนทำให้ผมในบริเวณนั้นไม่สามารถขึ้นได้อีก
โดยวิธีรักษาผมบางจากการเป็นโรคดึงผมตัวเองด้วยการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิค FUT หรือเทคนิค FUE จึงถือเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ตอบโจทย์มากที่สุด เพราะจะช่วยให้บริเวณที่ผมแหว่ง หรือผมบาง กลับมาหนาและดกดำเงางามอีกครั้ง ซึ่งแพทย์ของ Grow & Glow จะทำการวางแผนและประเมินความเหมาะสมเป็นรายบุคคล เนื่องจากการรักษาด้วยวิธีการปลูกผม จำเป็นต้องประเมินทั้งสาเหตุ อายุ คุณภาพของเส้นผม และความรุนแรงไปพร้อม ๆ กัน จึงจะเริ่มปลูกผมถาวรได้
สรุป โรคดึงผมตัวเองควรรับการรักษาจากจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับโรคดึงผมตัวเองที่ Grow & Glow ได้รวบรวมมาให้ ซึ่งเราเชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้คงจะทำให้หลาย ๆ คนเริ่มหันมาสังเกตพฤติกรรมของตัวเองกันมากขึ้นอย่างแน่นอน สำหรับคนที่สงสัยว่าตัวเองเข้าข่ายการเป็นโรคดึงผมตัวเองหรือไม่ ก็อาจจะเริ่มต้นด้วยการให้คนรอบข้างช่วงสังเกตพฤติกรรม และเข้าไปพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำในการแก้ไขอาการดึงผมตัวเองให้ทุเลาลงหรือหายไป นอกจากนี้ สำหรับคนที่เคยเป็นโรคดึงผมตัวเอง จนทำให้มีปัญหาผมบางหรือผมงอกใหม่ไม่แข็งแรง ก็สามารถเข้ามาคลินิกปลูกผมเพื่อรักษาโดยการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิค FUT หรือ FUE กับ Grow & Glow เพื่อคืนความมั่นใจให้กลับมา โดยคุณสามารถมั่นใจในผลลัพธ์ได้อย่างแน่นอน เพราะแพทย์ของเราจะมีการวางแผนและประเมินเทคนิคปลูกผมที่เหมาะสมเป็นรายบุคคล ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด