
คลินิกปลูกผม DHI โดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการปลูกผมในกรุงเทพฯ
การปลูกผม เป็นหนึ่งในวิธีการฟื้นฟูเส้นผมที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่ต้องการให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติ และการปลูกผมเทคนิค DHI (Direct Hair Implantation) ก็คือหนึ่งในเทคนิคที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเป็นเทคนิคที่เน้นความละเอียดและแม่นยำ ช่วยให้ผู้เข้ารับบริการได้เส้นผมใหม่ที่ดูเนียนเรียบเข้ากับเส้นผมเดิมได้อย่างเป็นธรรมชาติ
การปลูกผมด้วยเทคนิค DHI คืออะไร ?
การปลูกผมด้วยเทคนิค DHI เป็นนวัตกรรมล่าสุดที่ช่วยให้การปลูกผมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือเฉพาะที่เรียกว่า Implanter Pen ในการฝังหน่วยรากผมโดยตรงลงในบริเวณที่ต้องการ จึงไม่ต้องเปิดแผลขนาดใหญ่ การฝังรากผมด้วยวิธีนี้ทำให้เส้นผมใหม่ที่งอกขึ้นดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด และลดความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็น ทั้งยังช่วยลดการบวมและการอักเสบ ทำให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้นอีกด้วย
ข้อดีของการปลูกผมด้วยเทคนิค DHI
เทคนิค DHI ถือเป็นหนึ่งในวิธีการปลูกผมที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง ด้วยการใช้ Implanter Pen ซึ่งเป็นเครื่องมือเฉพาะที่ช่วยให้การฝังเส้นผมมีความแม่นยำมากขึ้น ลดอาการบาดเจ็บของหนังศีรษะ และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยมีข้อดีดังต่อไปนี้
1. แผลมีขนาดเล็ก ลดเสี่ยงอาการบวมช้ำ
แผลจากการปลูกผมด้วยเทคนิคนี้มีขนาดเล็กมาก เพียง 0.6-0.9 มิลลิเมตรเท่านั้น จึงลดโอกาสที่จะเกิดการบวมช้ำการอักเสบของหนังศีรษะ และการเกิดแผลเป็นขนาดใหญ่ถาวร ซึ่งพบได้ในเทคนิคอื่น ๆ ที่ต้องเปิดแผลมากกว่า ทำให้ผู้เข้ารับบริการสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้นและมั่นใจในผลลัพธ์ที่ได้
2. ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
การใช้ Implanter Pen ช่วยให้แพทย์สามารถควบคุมทิศทาง ความหนาแน่น และมุมของเส้นผมแต่ละเส้นให้สอดคล้องกับแนวผมเดิมได้อย่างแม่นยำ ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูแนบเนียนกับเส้นผมเดิม เหมาะกับผู้ที่ต้องการเส้นผมที่ดูเป็นธรรมชาติโดยไม่มีร่องรอยการปลูก
3. ระยะเวลาพักฟื้นสั้น
ด้วยเทคนิคที่ลดการบาดเจ็บของผิวหนัง รวมทั้งไม่มีการเปิดแผลขนาดใหญ่หรือเย็บแผล การฟื้นตัวจึงใช้เวลาสั้นกว่าการปลูกผมด้วยวิธีอื่น ๆ ทำให้ผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปทำงานหรือกิจกรรมประจำวันได้เร็วขึ้น โดยปกติสามารถกลับไปทำงานหรือทำกิจกรรมเบา ๆ ได้ภายใน 2-3 วัน ไม่ต้องใส่ผ้าพันแผลที่ศีรษะเป็นเวลานาน และสามารถสระผมได้หลังจากทำไปเพียงไม่กี่วัน
4. ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
เทคนิค DHI เป็นการปลูกผมระบบปิด ซึ่งหมายความว่าเส้นผมที่ปลูกจะไม่สัมผัสกับอากาศหรือมือของแพทย์โดยตรง ลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนของเชื้อโรค ส่วนเครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผมเทคนิค DHI ก็ได้รับการพัฒนาให้ลดโอกาสสัมผัสแผลสดระหว่างการปลูก ช่วยให้เกิดความสะอาด ปลอดภัย และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้เป็นอย่างดี
5. เพิ่มอัตราการรอดชีวิตของเส้นผมที่ปลูก
การปลูกผมเทคนิคนี้สามารถย้ายและปลูกเส้นผมได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องแช่กราฟผมนาน ทำให้เส้นผมยังคงได้รับสารอาหารและออกซิเจนอย่างต่อเนื่อง จึงเพิ่มอัตราการรอดของกราฟผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6. เหมาะสำหรับการปลูกผมในพื้นที่เฉพาะจุด
การปลูกผมเทคนิค DHI ใช้ Implanter Pen ซึ่งสามารถกำหนดตำแหน่งในการปลูกผม รวมทั้งแนวเส้นผมได้แม่นยำ จึงสามารถใช้ปลูกผมในบริเวณที่มีความต้องการเฉพาะ เช่น ไรผม หนวด เครา คิ้ว หรือจอนผม ได้ตามต้องการ เหมาะกับผู้ที่ต้องการปลูกผมเฉพาะจุด และไม่จำเป็นต้องโกนศีรษะก่อนปลูกผมด้วย
กล่าวได้ว่าเทคนิค DHI เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ฟื้นตัวเร็ว และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ รวมถึงมีอัตราการรอดชีวิตของเส้นผมที่ปลูกสูง จึงเป็นหนึ่งในเทคนิคปลูกผมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน
การเตรียมตัวก่อนปลูกผมเทคนิค DHI
1. ปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการปลูกผม
ก่อนเข้ารับการปลูกผม ควรเข้าพบแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพของหนังศีรษะ ประวัติการร่วงของเส้นผม และเลือกเทคนิคปลูกผมที่เหมาะสม โดยแพทย์จะพิจารณาจากปัจจัยต่อไปนี้
- ระดับความรุนแรงของผมร่วง
- ปริมาณเส้นผมบริเวณด้านหลังศีรษะ (Donor Area) เพื่อตรวจสอบความเพียงพอของกราฟผม
- โรคประจำตัวและการใช้ยา เพื่อวางแผนป้องกันภาวะแทรกซ้อน
2. หยุดการใช้ยาบางชนิดที่ส่งผลต่อการปลูกผม
หลังวางแผนการรักษาแล้ว แพทย์จะแนะนำให้หยุดการใช้ยาและอาหารเสริมบางชนิดชั่วคราว เนื่องจากอาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดและเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการบวมช้ำ เช่น
- ยาแอสไพริน (Aspirin), ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen), วิตามินอี, น้ำมันปลา ควรหยุดก่อนปลูกผม 7-10 วัน
- ยา Minoxidil หรือยาขยายหลอดเลือด อาจต้องหยุดใช้ล่วงหน้า 2 สัปดาห์ หรือตามคำแนะนำของแพทย์
3. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์
เนื่องจากบุหรี่และแอลกอฮอล์ส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของเลือดและทำให้แผลหายช้า ควรหยุดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ
4. ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
เตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการปลูกผม โดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน ธาตุเหล็ก และไบโอติน ซึ่งช่วยบำรุงรากผม และดื่มน้ำให้เพียงพอ
5. เตรียมตัวในวันเข้ารับการปลูกผม
- สระผมล่วงหน้า 1 วัน โดยใช้แชมพูสูตรอ่อนโยน ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม
- สวมเสื้อเชิ้ตหรือเสื้อที่มีกระดุมหน้า เพื่อลดโอกาสที่เสื้อจะเสียดสีกับศีรษะหลังปลูกผม
- พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง
ขั้นตอนการปลูกผมด้วยเทคนิค DHI
การปลูกผมด้วยเทคนิค DHI ประกอบด้วย 6 ขั้นตอนหลัก ซึ่งล้วนต้องใช้ทักษะและความละเอียดสูง จึงต้องรักษาโดยแพทย์ผู้ชำนาญการในคลินิกปลูกผม DHI ที่ได้มาตรฐานเท่านั้น โดยขั้นตอนในการปลูกผม มีดังนี้

ขั้นตอนที่ 1
แพทย์ทำการออกแบบแนวผมให้เหมาะกับปัญหาและรูปหน้าของแต่ละบุคคล เพื่อให้ผลลัพธ์จากการปลูกผมเป็นไปตามแผนการรักษาที่วางไว้

ขั้นตอนที่ 2
แพทย์นำแนวผมที่ออกแบบไว้มาคำนวณหากราฟผมที่ต้องใช้ เพื่อดำเนินการเก็บกราฟผมให้เพียงพอต่อความต้องการ

ขั้นตอนที่ 3
แพทย์ทำการฉีดยาชาก่อนเริ่มต้นเก็บกราฟผมและทำการปลูกผมด้วยเทคนิค DHI

ขั้นตอนที่ 4
แพทย์จะเจาะกราฟเพื่อเก็บรากผมจากบริเวณที่มีเส้นผมหนาแน่น เช่น ด้านหลังศีรษะ โดยจะใช้เครื่องมือเก็บรากผมที่ออกแบบมาเฉพาะ
เพื่อลดการบาดเจ็บและการอักเสบของรากผม

ขั้นตอนที่ 5
หน่วยรากผมที่เก็บมาจะถูกตรวจสอบอย่างพิถีพิถัน ก่อนนำไปโหลดเข้าปากกา Implanter เพื่อทำการปลูกผมในลำดับถัดไป ยิ่งหน่วยรากผมแข็งแรงและมีคุณภาพสูง ก็จะยิ่งทำให้ผลลัพธ์ดีและติดทนนานมากขึ้น

ขั้นตอนที่ 6
แพทย์จะใช้ Implanter Pen ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเทคนิค DHI เพื่อฝังรากผมใหม่ลงในบริเวณที่ต้องการ โดยสามารถกำหนดทิศทางและมุมของเส้นผมได้อย่างละเอียดและแม่นยำ จึงทำให้ผมที่ขึ้นใหม่ดูเป็นธรรมชาติ
การปลูกผมด้วยเทคนิค DHI เหมาะกับใครบ้าง ?
เทคนิค DHI เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบางและต้องการเพิ่มความหนาของเส้นผม โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการพักฟื้นระยะสั้น และผู้ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย ซึ่งการปลูกผมด้วยเทคนิคนี้จะลดความเสี่ยงและระยะเวลาฟื้นตัวได้อย่างมาก
ผลลัพธ์จากการปลูกผมด้วยเทคนิค DHI
หลังการปลูกผมด้วยเทคนิค DHI ผู้เข้ารับบริการจะเห็นผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติภายในระยะเวลา 3-6 เดือน โดยจะมีเส้นผมใหม่งอกขึ้นเต็มแน่นภายใน 12 เดือน การปลูกผม DHI ช่วยให้ผมใหม่ดูเป็นธรรมชาติ กลมกลืนกับเส้นผมเดิมได้อย่างแนบเนียน เสริมความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีขึ้น
รีวิวจริงจากผู้ใช้บริการ Grow & Glow Clinic
การดูแลตัวเองหลังการปลูกผม DHI
หลังจากเข้ารับการปลูกผมด้วยเทคนิค DHI การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้กราฟผมที่ปลูกติดแน่นและเจริญเติบโตได้อย่างแข็งแรง โดยแนวทางปฏิบัติที่ควรทำ ได้แก่
- หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสหรือเกาบริเวณที่ปลูกผมอย่างน้อย 7-10 วันแรก เพื่อป้องกันการหลุดของกราฟผมและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
- งดใช้ผลิตภัณฑ์เคมี รวมทั้งเจล มูส หรือสเปรย์ฉีดผมที่มีสารเคมีเข้มข้น เนื่องจากอาจระคายเคืองต่อหนังศีรษะและรบกวนการเจริญเติบโตของเส้นผมที่ปลูกใหม่
- งดการใช้ไดร์เป่าผมลมร้อน เครื่องหนีบผม หรืออุปกรณ์ที่ใช้ความร้อนสูงกับเส้นผมอย่างน้อย 1 เดือนแรก เพื่อป้องกันไม่ให้รากผมอ่อนแอและแห้งเสีย
- งดสระผมใน 48 ชั่วโมงแรกหลังปลูกผมเสร็จ หลังจากนั้นสามารถสระผมด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยนที่แพทย์แนะนำได้ และล้างออกเบา ๆ ด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง โดยควรหลีกเลี่ยงการขยี้ศีรษะแรง ๆ และควรปล่อยให้ผมแห้งเอง แทนการใช้ไดร์เป่าผม
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก วิ่ง หรือกิจกรรมกลางแจ้งที่ทำให้เหงื่อออกมาก อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงในการอักเสบของหนังศีรษะ
- ปกป้องศีรษะจากแสงแดดและฝุ่นละอองในช่วง 3-4 สัปดาห์แรก และหากจำเป็นต้องออกไปข้างนอก ควรใช้หมวกแบบหลวม ๆ หรือร่มเพื่อป้องกันรังสียูวี
- รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุ เช่น โปรตีน ไบโอติน สังกะสี และวิตามินบี เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของรากผมใหม่ และดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดีขึ้น
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ทั้งการรับประทานยา การงดใช้ยาบางชนิด และการสังเกตความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น แผลบวมแดง อักเสบ หรือผมร่วงผิดปกติ
การดูแลหลังทำหัตถการมีผลโดยตรงต่อผลลัพธ์ของการปลูกผม หากปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้เส้นผมที่ปลูกมีอัตราการรอดชีวิตสูงและคงอยู่ได้นาน ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน และทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
ระยะเวลาพักฟื้นหลังการปลูกผม DHI
ผู้เข้ารับบริการจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ในวันถัดไปหลังการปลูกผม แต่ควรงดกิจกรรมที่ต้องใช้แรงหรือการออกกำลังกายหนัก ๆ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
Grow & Glow Clinic คลินิกปลูกผมเทคนิค DHI ชั้นนำในกรุงเทพฯ
มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน อยากรักษาด้วยเทคนิค DHI สามารถเข้ารับคำปรึกษาและการรักษาจากแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการปลูกผมที่คลินิกปลูกผม Grow & Glow ให้บริการปลูกผมด้วยเทคนิค DHI ในราคาสมเหตุสมผล เลือกใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย อุปกรณ์และห้องปฏิบัติการปลอดภัย ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าจำนวนมาก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 084-501-9989
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. การปลูกผม DHI แตกต่างจาก FUE อย่างไร ?
การปลูกผม DHI ใช้ Implanter Pen ในการฝังเส้นผมโดยตรง โดยไม่ต้องเปิดแผลกว้างแบบ FUE ทำให้ลดการบวมและฟื้นตัวได้เร็ว
2. ค่าใช้จ่ายในการปลูกผม DHI ประมาณเท่าไร ?
ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับจำนวนหน่วยรากผมและพื้นที่ในการปลูก แพทย์จะให้คำปรึกษาเพื่อประเมินราคาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละกรณี
3. การปลูกผม DHI มีความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงหรือไม่ ?
การปลูกผม DHI มีความเสี่ยงต่ำ แต่อาจมีการระคายเคืองหรือบวมเล็กน้อยในบางราย ซึ่งมักจะหายได้เองภายในไม่กี่วัน
4. ระยะเวลาที่ใช้ในการปลูกผมด้วยเทคนิค DHI นานแค่ไหน ?
ระยะเวลาการปลูกผม DHI ขึ้นอยู่กับจำนวนหน่วยรากผมที่ต้องปลูก โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 4-8 ชั่วโมง
5. การปลูกผม DHI เจ็บไหม ?
ในระหว่างการปลูกผมเทคนิค DHI ผู้เข้ารับการรักษาจะได้รับยาชาเฉพาะที่บริเวณศีรษะ ซึ่งทำให้ไม่รู้สึกเจ็บปวด การฟื้นตัวหลังการปลูกผมก็จะไม่เจ็บปวดมากนัก โดยสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
6. การปลูกผม DHI สามารถปลูกผมในบริเวณใดบ้าง ?
การปลูกผมเทคนิค DHI สามารถปลูกผมได้หลายบริเวณ เช่น บริเวณกลางศีรษะ ขมับ หรือท้ายทอย รวมถึงการเติมเต็มบริเวณที่ผมบางหรือศีรษะล้าน โดยจะพิจารณาจากสภาพศีรษะและความต้องการของผู้เข้ารับการรักษา
7. หลังการปลูกผมสามารถทำสีผมหรือดัดผมได้หรือไม่ ?
หลังจากการปลูกผม DHI ควรหลีกเลี่ยงการทำสีผมหรือดัดผมในช่วง 1 เดือนแรก เนื่องจากเส้นผมที่ปลูกใหม่ยังต้องการการดูแลอย่างระมัดระวังเพื่อให้มีการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์
8. แพทย์เฉพาะทางด้านการปลูกผมที่ Grow & Glow มีความชำนาญการอย่างไร ?
แพทย์หญิงภัทรา ภิญโญภาวศุทธิ (หมอเบนซ์) แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการปลูกผม มีประสบการณ์และการศึกษาระดับสูงในด้านผิวหนังและการปลูกผมจากสถาบันชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ King’s College London และ St John’s Institute of Dermatology, UK รวมถึงการได้รับการฝึกอบรมจากสมาคมปลูกผมนานาชาติ (ISHRS) โดยอาจารย์ดำเกิง ปฐมวาณิชย์ ผู้ริเริ่มการผ่าตัดปลูกผมในประเทศไทย
นอกจากนี้ หมอเบนซ์ยังเป็นสมาชิกของสมาคมปลูกผมนานาชาติ ISHRS และได้รับการรับรองจาก American Board of Hair Restoration Surgery (ABHRS) ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความชำนาญการในด้านการปลูกผม