หัวล้านมีกี่แบบ? เช็กสัญญาณบ่งบอกความรุนแรงของปัญหาหัวล้าน
ปัญหาหัวล้านเป็นสิ่งที่หลายคนกังวล ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง เพราะนอกจากจะส่งผลต่อบุคลิกภาพแล้ว ยังอาจกระทบต่อความมั่นใจในตัวเองอีกด้วย แต่คุณรู้หรือไม่ว่า หัวล้านมีหลายแบบ และแต่ละแบบก็มีสาเหตุและวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของหัวล้านจะช่วยให้คุณสามารถระบุปัญหาและหาวิธีแก้ไขได้อย่างตรงจุด ในบทความนี้ คลินิกปลูกผม Grow and Glow Hair Clinic จะพาคุณไปรู้จักกับประเภทต่างๆ ของหัวล้าน พร้อมทั้งวิธีสังเกตและแนวทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
หัวล้านมีกี่ประเภท?
หัวล้านไม่ได้มีเพียงแบบเดียว แต่มีหลายประเภทที่แตกต่างกันตามสาเหตุและลักษณะการเกิด ซึ่งแต่ละประเภทก็มีวิธีการรักษาที่เฉพาะเจาะจง มาดูกันว่าหัวล้านมีกี่ประเภทและแต่ละประเภทมีลักษณะอย่างไร
หัวล้านแบบแอนโดรจีนีติก (Androgenetic Alopecia)
หัวล้านแบบแอนโดรจีนีติก หรือที่เรียกว่าผมร่วงตามกรรมพันธุ์ เป็นประเภทที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะในผู้ชาย สาเหตุหลักมาจากพันธุกรรมและฮอร์โมนเพศชาย (แอนโดรเจน) ที่มีผลต่อรูขุมขน ทำให้รูขุมขนหดตัวและผลิตเส้นผมที่บางลงเรื่อยๆ จนในที่สุดหยุดผลิตเส้นผมโดยสิ้นเชิง
ลักษณะเด่นของหัวล้านประเภทนี้คือ ผมจะค่อยๆ บางลงบริเวณขมับและกลางศีรษะ ในผู้ชายมักเริ่มจากการถอยร่นของแนวผมด้านหน้า ส่วนในผู้หญิงมักเกิดการบางลงของผมบริเวณกลางศีรษะ โดยไม่สูญเสียแนวผมด้านหน้า
หัวล้านจากการทำร้ายเส้นผม (Traction Alopecia)
หัวล้านประเภทนี้เกิดจากการกระทำของตัวเราเองที่ทำร้ายเส้นผมโดยไม่ตั้งใจ เช่น การรวบผมแน่นเกินไป การใส่เครื่องประดับผมที่หนักเกินไป หรือการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่มีสารเคมีรุนแรง สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดแรงดึงที่รากผมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เส้นผมร่วงเยอะมาก และรูขุมขนเสียหาย
ลักษณะของหัวล้านประเภทนี้มักพบเป็นบริเวณที่ถูกดึงรั้งบ่อยๆ เช่น ขอบผมด้านหน้า หรือบริเวณที่มักรวบผม หากหยุดพฤติกรรมที่ทำร้ายเส้นผมได้เร็ว ผมอาจงอกกลับมาได้ แต่หากปล่อยไว้นานเกินไป อาจทำให้เกิดการสูญเสียเส้นผมอย่างถาวร
หัวล้านจากการอักเสบ (Inflammatory Alopecia)
หัวล้านจากการอักเสบเกิดจากโรคที่ทำให้เกิดการอักเสบของหนังศีรษะหรือรูขุมขน ตัวอย่างเช่น โรคผิวหนังอักเสบ (Dermatitis) โรคเชื้อราที่หนังศีรษะ หรือโรคภูมิแพ้ตัวเอง เช่น โรคผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata) การอักเสบทำให้รูขุมขนถูกทำลาย ส่งผลให้เส้นผมหลุดร่วงและไม่สามารถงอกใหม่ได้
ลักษณะของหัวล้านประเภทนี้อาจแตกต่างกันไปตามโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น ในกรณีของโรคผมร่วงเป็นหย่อม จะพบว่าผมร่วงเป็นวงกลมเล็กๆ หลายจุดบนศีรษะ การรักษาต้องมุ่งเน้นที่การแก้ไขสาเหตุของการอักเสบเป็นหลัก
ตามฉบับไทยโบราณ หัวล้านมีกี่แบบ?
นอกจากการแบ่งประเภทหัวล้านตามหลักการแพทย์แล้ว ในตำราโบราณของไทยก็มีการแบ่งประเภทของหัวล้านไว้อย่างน่าสนใจ โดยแบ่งออกเป็น 7 แบบด้วยกัน ซึ่งแต่ละแบบมีชื่อเรียกที่เป็นเอกลักษณ์และสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน ดังนี้
- ทุ่งหมาหลง : ลักษณะหัวล้านกลางศีรษะ เหลือผมเฉพาะบริเวณกกหูทั้งสองข้าง
- ดงช้างข้าม : คล้ายทุ่งหมาหลง แต่มีผมเหลือที่ด้านหลังศีรษะด้วย
- ง่ามเทโพ : ผมร่วงบริเวณหน้าผากเป็นรูปสามเหลี่ยมลึกเข้าไปถึงกลางกระหม่อม
- ชะโดตีแปลง : ผมบางจนเห็นหนังศีรษะชัดเจน แต่ยังไม่ถึงกับล้านเตียน
- แร้งกระพือปีก : คล้ายดงช้างข้าม แต่ผมด้านหลังจะฟูขึ้น
- ฉีกขวานฟาด : คล้ายดงช้างข้าม แต่มีผมบางๆ เหลืออยู่ตรงกลางกระหม่อม
- ราชคลึงเครา : คล้ายทุ่งหมาหลง แต่หนวดเคราดกดำตรงข้ามกับผมบนศีรษะ
ทางการแพทย์หัวล้านมีกี่แบบ?
ในทางการแพทย์ การแบ่งประเภทของหัวล้านมีความละเอียดและเป็นระบบมากขึ้น โดยแบ่งตามลักษณะและระดับความรุนแรงของอาการ ซึ่งแตกต่างกันระหว่างเพศชายและเพศหญิง
ผู้ชายหัวล้าน (Norwood Scales)
สำหรับผู้ชาย การแบ่งระดับความรุนแรงของหัวล้านใช้มาตรฐานที่เรียกว่า Norwood Scales ซึ่งแบ่งออกเป็น 7 ระดับ ดังนี้
- ระยะที่ 1 : ผมยังคงดกหนาตามปกติ ไม่มีการถอยร่นของแนวผม
- ระยะที่ 2 : แนวผมด้านหน้าเริ่มถอยร่นเล็กน้อย โดยเฉพาะบริเวณขมับทั้งสองข้าง
- ระยะที่ 3 : แนวผมถอยร่นชัดเจนบริเวณขมับ เป็นรูปตัว M และอาจเริ่มบางบริเวณกลางศีรษะ
- ระยะที่ 4 : ผมบางมากขึ้น ทั้งบริเวณขมับและกลางศีรษะ แต่ยังมีแนวผมคั่นกลางอยู่
- ระยะที่ 5 : แนวผมถอยร่นมากขึ้น และบริเวณที่บางเชื่อมต่อกันเป็นพื้นที่กว้างขึ้น
- ระยะที่ 6 : บริเวณที่ล้านด้านหน้าและกลางศีรษะเชื่อมต่อกัน เหลือผมด้านข้างและด้านหลังเท่านั้น
- ระยะที่ 7 : ล้านเกือบทั้งศีรษะ เหลือผมเพียงบางส่วนด้านข้างและด้านหลัง
ผู้หญิงหัวล้าน (Ludwig Scales)
การแบ่งระดับความรุนแรงของผู้หญิงหัวล้านจะใช้มาตรฐานที่เรียกว่า Ludwig Scales ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้
- ระยะที่ 1 : ผมเริ่มบางเล็กน้อยบริเวณกลางศีรษะ สังเกตได้จากแนวแสกผมที่กว้างขึ้น
- ระยะที่ 2 : ผมบางมากขึ้น บริเวณกลางศีรษะขยายวงกว้างขึ้นอย่างชัดเจน
- ระยะที่ 3 : ผมบางมากจนเห็นหนังศีรษะชัดเจน โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะ แต่มักไม่สูญเสียแนวผมด้านหน้า
การแบ่งระดับความรุนแรงนี้ช่วยให้แพทย์สามารถประเมินสภาพของปัญหาและวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
แนวทางรักษาปัญหาหัวล้านที่เห็นผล
เมื่อทราบถึงประเภทและระดับความรุนแรงของปัญหาหัวล้านแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสม ปัจจุบันมีวิธีการรักษาหัวล้านหลายวิธีที่ได้ผลดีและเป็นที่นิยม ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อควรพิจารณาแตกต่างกันไป
1. ปลูกผม FUE
การปลูกผมแบบ FUE (Follicular Unit Excision) เป็นเทคนิคการปลูกผมที่ทันสมัยและได้รับความนิยมอย่างมาก วิธีนี้ใช้เครื่องมือพิเศษในการเก็บเซลล์รากผมจากบริเวณที่มีผมหนาแน่น (มักเป็นบริเวณท้ายทอย) แล้วนำไปปลูกในบริเวณที่ผมบางหรือล้าน
ข้อดีของวิธีนี้คือ แผลที่เกิดขึ้นมีขนาดเล็กมาก หายเร็ว และไม่ทิ้งรอยแผลเป็น ทำให้ผู้รับการรักษาสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็ว นอกจากนี้ ผลลัพธ์ที่ได้ยังดูเป็นธรรมชาติมาก เนื่องจากแพทย์สามารถควบคุมทิศทางและความหนาแน่นของเส้นผมที่ปลูกได้
2. ปลูกผม FUT
การปลูกผมแบบ FUT (Follicular Unit Transplantation) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยม วิธีนี้แพทย์จะตัดแผ่นหนังศีรษะขนาดเล็กจากบริเวณด้านหลังศีรษะ แล้วนำมาแยกเป็นหน่วยรากผมย่อยๆ ก่อนนำไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ
ข้อดีของวิธีนี้คือ สามารถย้ายเซลล์รากผมได้จำนวนมากในครั้งเดียว เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบางในบริเวณกว้าง อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจทิ้งรอยแผลเป็นเล็กๆ บริเวณที่เก็บเซลล์รากผม แต่มักถูกปกปิดด้วยเส้นผมที่อยู่โดยรอบ
3. ฉีด PRP กระตุ้นรากผม
การฉีด PRP (Platelet-Rich Plasma) เป็นวิธีการรักษาที่ใช้เลือดของผู้รับการรักษาเอง โดยนำเลือดมาปั่นแยกเอาส่วนที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้น ซึ่งอุดมไปด้วยปัจจัยการเจริญเติบโต แล้วฉีดกลับเข้าไปในหนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมบางหรือผมร่วง
วิธีนี้ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม เพิ่มการไหลเวียนเลือดในหนังศีรษะ และส่งเสริมการทำงานของรูขุมขน ทำให้เส้นผมแข็งแรงขึ้น และช่วยชะลอการร่วงของเส้นผม เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหาผมบางหรือผมร่วงในระยะเริ่มต้น
การฉีด PRP เป็นวิธีที่ค่อนข้างปลอดภัยและใช้เวลาในการทำไม่นาน แต่อาจต้องทำซ้ำหลายครั้งเพื่อให้เห็นผลชัดเจน และต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาผลลัพธ์ที่ได้
สรุปบทความ
ปัญหาหัวล้านมีหลากหลายประเภทและระดับความรุนแรง ตั้งแต่หัวล้านแบบแอนโดรจีนีติกที่เกิดจากพันธุกรรมและฮอร์โมน ไปจนถึงหัวล้านจากการทำร้ายเส้นผมหรือจากการอักเสบ การแบ่งประเภทและระดับความรุนแรงตามมาตรฐานทางการแพทย์ช่วยให้สามารถประเมินปัญหาและเลือกวิธีรักษาได้อย่างเหมาะสม
วิธีการรักษาหัวล้านในปัจจุบันมีหลากหลาย ทั้งการปลูกผมแบบ FUE และ FUT ที่ให้ผลลัพธ์ถาวร และการฉีด PRP ที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม การเลือกวิธีรักษาขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ประเภทและความรุนแรงของปัญหา อายุ และความต้องการของผู้รับการรักษา สิ่งสำคัญคือการตระหนักถึงปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม การรักษาแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
สำหรับใครที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน สามารถนัดหมายเข้ามาพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมได้เลย เรามีบริการรักษาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น ปลูกผม DHI, ปลูกผม FUT, ปลูกไรผมหน้าผากผู้หญิง, บริการรักษาผมบางด้วยวิธีต่าง ๆ ดูแลโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการรักษาผมร่วง ผ่านการรับรองจากสถาบันปลูกผมระดับโลก ใช้เทคนิคการปลูกผมที่ทันสมัย สามารถแก้ปัญหาผมบางได้อย่างน่าพึงพอใจ รับรองว่าไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน!
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่
- ที่ตั้งคลินิก : 466/19 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
- Google Maps : https://maps.app.goo.gl/FngufQWeQNJ2ruvRA
- โทรศัพท์ : 084-501-9989
- Line Official Account : @clinicgrowandglow
- Facebook Page : GROW & GLOW Clinic ปลูกผมถาวรโดยแพทย์เฉพาะทาง
- Instagram : growandglowc