ยาปลูกผมที่นิยมในไทยมีอะไรบ้าง และได้ผลจริงหรือไม่?

เขียนโดย แพทย์หญิงภัทรา ภิญโญภาวศุทธิ - ก.พ. 22, 2023

ปัญหาผมบาง หัวล้าน ผมขาดหลุดร่วงนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกคน ซึ่งบางคนก็เกิดปัญหานี้ได้ตั้งแต่อายุน้อย ๆ ซึ่งมีวิธีแก้ปัญหาก็มีมากมาย เช่น การปลูกผม การใช้วิธีทางการแพทย์ในการรักษาอื่น ๆ แต่บางครั้งการรักษาด้วยวิธีการปลูกผมอาจไม่เหมาะกับบางคน จึงมีวิธีการรักษาด้วยการกินยาปลูกผมตามที่แพทย์แนะนำ ซึ่งในบทความนี้จะพามาทำความรู้จักว่ายาปลูกผมที่นิยมในไทย มีอะไรบ้าง

ยาปลูกผมที่นิยมในไทยมีอะไรบ้าง

ยาปลูกผมถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คนที่มีปัญหาผมน้อย ผมบาง สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็มีเซรั่มหรือยาบำรุงผมออกมามากมาย ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อใช้ได้อย่างหลากหลาย แต่ก็มีข้อควรระวังเนื่องจากมักมียาหรือเซรั่มปลอมที่ทำออกมาหลอกขายด้วย จึงต้องมีการอ่านข้อมูลรายละเอียดให้ดี ซึ่งยาปลูกผมในประเทศไทยที่ผ่านการรับรองจากทางการแพทย์มีเพียง 2 ตัวยาเท่านั้น คือ ยาไมนอกซิดิล และยาฟีนาสเตอไรด์

1. ยาไมนอกซิดิล (Minoxidil)

ยาไมนอกซิดิล มีสรรพคุณในการช่วยให้เกิดการคลายตัวของหลอดเลือดแดงเพียงเล็กน้อย จึงทำให้เลือดสามารถไปหล่อเลี้ยงเส้นผมได้ดีขึ้น ทำให้เส้นผมและรากผมแข็งแรง ซึ่งยาชนิดนี้มีทั้ง 2 รูปแบบ คือชนิดเม็ดใช้กิน และชนิดน้ำใช้ทา 

Minoxidil กี่เดือนเห็นผล

ต้องใช้ยาไมนอกซิดิลต่อเนื่องมากกว่า 3-6 เดือน จึงจะเริ่มเห็นผล และจะเห็นผลชัดเจนอย่างน้อย 1 ปี หากหยุดใช้อาการผมร่วงผมบางก็จะกลับมาดังเดิม

Minoxidil ผลข้างเคียง

ยาไมน็อกซิดิล (Minoxidil)

2. ยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride)

ยาฟีนาสเตอไรด์ เป็นยาที่มีส่วนช่วยในการยับยั้งฮอร์โมน Dihydrotestosterone หรือ DHT ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้รากผมอ่อนแอ และผมขาดหลุดร่วง จนทำให้เกิดอาการผมร่วง หัวล้านก่อนวัย จึงทำให้ตัวยาชนิดนี้ได้รับความนิยมกันเป็นวงกว้างในกลุ่มผู้มีปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน  แต่ฮอร์โมน Dihydrotestosterone หรือ DHT นั้นมีหน้าที่ในการแสดงออกถึงลักษณะทางกายภาพของเพศชาย เช่น กล้ามเนื้อ หนวด ขนต่าง ๆ ตามร่างกาย ซึ่งทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เห็นได้ชัดในผู้ชายบางกลุ่ม เช่น หากมีการกินติดต่อสะสมกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้มีความต้องการทางเพศลดลง และอวัยวะเพศไม่แข็งตัว ซึ่งจะพบได้แค่ 1-2 % เท่านั้น  

ทำให้การใช้ยาตัวนี้ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือเภสัชกรเพื่อป้องกันผลข้างเคียงต่าง ๆ ที่ตามมา และไม่ให้เกิดอันตรายกับร่างกายหลังจากมีการใช้ยา

Finasteride กี่เดือนเห็นผล

ต้องใช้ยาฟีนาสเตอไรด์ต่อเนื่องมากกว่า 3-6 เดือน จึงจะเริ่มเห็นผล และจะเห็นผลชัดเจนอย่างน้อย 1 ปี หากหยุดใช้อาการผมร่วงผมบางก็จะกลับมาดังเดิม

Finasteride ผลข้างเคียง

ยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride)

การใช้ยาปลูกผมได้ผลลัพธ์มากน้อยขนาดไหน

การใช้ยาฟีนาสเตอไรด์ และ ยาไมนอกซิดิล เป็นการรักษาผมร่วง ผมบางจากพันธุกรรม ซึ่งจะช่วยทำให้ผมหนาขึ้น และคงสภาพผมให้บางช้าลง ซึ่งการใช้ยาปลูกผมจะใช้ได้ในกรณีที่ยังมีรากผมอยู่เท่านั้น หากเป็นกรณีที่รากผมฝ่อหมดแล้ว จะต้องรักษาด้วยการปลูกผมถาวร จึงจะเห็นผลได้ชัดและยั่งยืนมากที่สุด ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายวิธีการ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมตามแพทย์แนะนำ

ใช้ยาปลูกผมไม่ได้ผล ต้องทำอย่างไร

ใช้ยาปลูกผมแล้วไม่ได้ผลสามารถเกิดได้จากหลากสาเหตุ เช่น 

หากใช้ยาแล้วไม่ได้ผล แนะนำให้พบแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผมและหนังศีรษะ เพื่อรับคำแนะนำในการรักษาอาการผมร่วงผมบางแทนการใช้ยา

ใช้ยาปลูกผมร่วมกับการรักษาอะไรได้บ้าง

ยาปลูกผมต้องใช้เวลานานและต้องใช้ยาต่อเนื่องจึงจะเห็นผล การใช้ยาปลูกผมร่วมกับวิธีการรักษาอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา หรือบางวิธีสามารถใช้ทดแทนเลยโดยไม่ต้องใช้ยา ยกตัวอย่างการรักษาควบคู่ดังกล่าว เช่น

การปลูกผมถาวร

สำหรับการปลูกผมถาวร ขอแนะนำเทคนิคปลูกผม FUE เป็นเทคนิคการปลูกผมที่ไม่จำเป็นต้องตัดหนังศีรษะ แต่จะใช้เครื่องมือพิเศษเจาะเซลล์รากผมบริเวณท้ายทอย ไปลงบริเวณพื้นที่ที่ต้องการ โดยแผลจะมีขนาดเล็กมาก ๆ ทำให้เวลาที่แผลหายดีแล้ว แผลจะเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่สังเกตเห็นได้ง่าย ที่สำคัญ ผมที่งอกขึ้นมาใหม่อยู่ถาวร เป็นธรรมชาติ

การฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP)

PRP (Platelet Rich Plasma) เป็นการรักษาที่ใช้เลือดของผู้ป่วยเอง มาแยกเอาเกล็ดเลือดที่มีสาร Platelet Derived Growth Factor (PDGF) เข้มข้น ฉีดกลับเข้าไปที่หนังศีรษะบริเวณที่ผมร่วง จะช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นผมใหม่ เพิ่มการไหลเวียนโลหิต และบำรุงรากผมให้แข็งแรง แต่วิธีนี้มีโอกาสเสื่อมสภาพได้ ต้องทำเรื่อย ๆ จึงจะเห็นผลลัพธ์ในระยะยาว

เลเซอร์หนังศีรษะ (LLLT : Low-Level Laser Therapy)

LLLT (Low-Level Laser Therapy) เป็นเลเซอร์ชนิดหนึ่งที่ใช้แสงความร้อนต่ำ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต   และกระตุ้นการสร้างเส้นผมใหม่ โดยเลเซอร์จะมาในรูปแบบของหวี หรือหมวกแก๊ป ทำให้สามารถนำมาใช้ที่บ้านได้ แต่วิธีนี้ใช้เวลาเห็นผลค่อนข้างนานและต้องทำเป็นประจำ

ยาปลูกผมและการปลูกผมถาวร อันไหนดีกว่ากัน

หากพิจารณาแล้วว่า ไม่อยากรับมือกับผลข้างเคียง และกังวลว่า หากหยุดยาจะทำให้กลับมาผมร่วงอีกครั้ง การปลูกผมถาวรถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว ผมที่งอกขึ้นมาใหม่อยู่ถาวร สามารถร่วงและเกิดใหม่เหมือนวงจรชีวิตของเส้นผมทั่วไปนอกจากนี้ หากปัญหาหัวล้าน ผมร่วง ผมบาง เกิดจากรากผมฝ่อไปหมด ต้องรักษาด้วยการปลูกผมถาวรเท่านั้น ยาปลูกผมไม่สามารถแก้ปัญหาได้

การใช้ยาฟีนาสเตอไรด์ และ ยาไมน็อกซิดิล เป็นการรักษาผมร่วง

การใช้ยาปลูกผมนั้นควรต้องมีการปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรเพื่อให้เห็นผลและไม่เป็นอันตราย แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน ยั่งยืน การปลูกผมก็เป็นทางเลือกที่ดีอย่างมาก ใครที่มีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาผมบาง หน้าผากกว้าง ศีรษะล้าน ที่ Grow & Glow Clinic มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการปลูกผม ดีกรีจากสถาบันปลูกผมระดับโลกที่พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาหนังศีรษะ ปัญหาผมต่าง ๆ พร้อมทำการรักษาด้วยเทคนิควิธีที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน ตรงจุดกับปัญหาของแต่ละคน เพื่อช่วยสร้างบุคลิกภาพและความมั่นใจเกี่ยวกับผมได้อย่างดี

ปรึกษาปัญหาผมบาง ผมร่วงเพิ่มเติมได้ที่ :

Grow And Glow Hair Clinic ดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางด้านการปลูกผมจากสถาบันปลูกผมระดับโลก ประสบการณ์ปลูกผมมากกว่า 5,000 เคส


ปรึกษาออนไลน์ฟรีกับคุณหมอ