รู้จักกับการฉีดสเต็มเซลล์ผม
สเต็มเซลล์ (Stem Cell) หรือเซลล์ต้นกำเนิด เป็นเซลล์ชนิดพิเศษที่สามารถพบได้ในทุกช่วงเวลาของการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิต สามารถแบ่งตัวได้ไม่จำกัด และเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ได้เกือบทุกชนิดในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น เซลล์ผิวหนัง กล้ามเนื้อ สมอง หัวใจ หรือเซลล์เม็ดเลือด
ในทางการแพทย์นั้น ได้มีการสกัดเซลล์ต้นกำเนิดออกมาจากเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตที่โตเต็มวัย เช่น สเต็มเซลล์ของเลือดที่สามารถเปลี่ยนเป็นเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือดได้ แล้วนำมารักษาโรคต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคโลหิตจาง หรือทาลัสซีเมียได้ ส่วนในแพทย์ด้านศัลยกรรมความงามก็มีการนำสเต็มเซลล์มาฉีดที่ผิวหน้าเพื่อช่วยชะลอวัย หรือนำมาฉีดที่รากผมเพื่อรักษาผมบางได้อีกด้วย
สำหรับท่านใดที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง แล้วต้องการที่จะรักษาอาการผมบางด้วยการฉีดสเต็มเซลล์ผม แต่ไม่มั่นใจว่าฉีดสเต็มเซลล์ผมดีไหม จะช่วยรักษาผมบางได้อย่างไร คลินิกปลูกผมโกรว์แอนด์โกลว์ (Grow and Glow Clinic) จะพาคุณไปหาคำตอบเอง
ฉีดสเต็มเซลล์ผมคืออะไร?
ฉีดสเต็มเซลล์ผม คือ การใช้เซลล์ต้นกำเนิดรากผมที่ได้จากผู้เข้ารับบริการ มาฉีดบริเวณที่มีปัญหาเส้นผม เพื่อกระตุ้นเซลล์รากผมให้เพิ่มจำนวนขึ้นใหม่ และซ่อมแซมรากผมที่อ่อนแอให้ผลิตเส้นผมได้เพิ่มขึ้น โดยเซลล์ต้นกำเนิดรากผมจะนำมาจากบริเวณรากผมที่แข็งแรง เช่น ในผู้ชายจะนำมาจากหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยที่ไม่ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHI ฮอร์โมนที่เป็นสาเหตุของหัวล้านกรรมพันธุ์ในผู้ชาย เป็นต้น
สเต็มเซลล์ช่วยกระตุ้นรากผมได้อย่างไร?
ในสเต็มเซลล์จะอุดมไปด้วยโกรทแฟคเตอร์นานาชนิด รวมถึงเซลล์เนื้อเยื่อที่มีชีวิต สารป้องกันไม่ให้ผมร่วงจากฮอร์โมน และ Extracellular Matrix เมื่อนำไปฉีดบริเวณรากผมที่อ่อนแอแล้ว จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม และบำรุงเซลล์รากผมด้วยกลไกต่าง ๆ ทำให้เลือดมาไหลเวียนที่บริเวณรากผมได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้รากผมแข็งแรงขึ้น และสามารถสร้างเส้นผมได้มากขึ้นนั่นเอง
ฉีดสเต็มเซลล์ผมเหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ต้องการบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงและมีสุขภาพดีขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาผมบางจากพันธุกรรม ต้องการชะลอการได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT
- ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดปลูกผมมา ต้องการเพิ่มความแข็งแรงให้กับรากผม และเสริมประสิทธิภาพการปลูกผมถาวรมากขึ้น
ฉีดสเต็มเซลล์ผมไม่เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีศีรษะล้าน ไม่มีเซลล์รากผมเหลืออยู่แล้ว เพราะจะไม่สามารถกระตุ้นให้เซลล์รากผมสร้างเส้นผมใหม่ขึ้นมาได้ จำเป็นที่จะต้องรักษาด้วยการปลูกผมก่อน
ฉีดสเต็มเซลล์ผมราคาเท่าไหร่?
การฉีดสเต็มเซลล์ผมจะมีราคาอยู่ที่ 80,000 – 130,000 บาท ขึ้นอยู่กับโปรโมชันของแต่ละคลินิก
การเตรียมตัวก่อนฉีดสเต็มเซลล์กระตุ้นรากผม
ก่อนเข้ารับการฉีดสเต็มเซลล์กระตุ้นรากผม แนะนำให้เตรียมตัวดังนี้
- สระผมให้เรียบร้อยก่อนเข้ารับบริการ
- งดทำสีก่อนทำหัตถการประมาณ 2 สัปดาห์
- งดรับประทานยาและวิตามินที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้า อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เช่น แอสไพริน น้ำมันปลา วิตามินอี แปะก๊วย โสม สมุนไพรต่าง ๆ หรือยาแก้อักเสบ เป็นต้น
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
- แจ้งให้แพทย์ทราบในกรณีที่มีโรคประจำตัว หรือกำลังรับประทานยารักษาโรคใดๆ อยู่
ขั้นตอนการฉีดสเต็มเซลล์กระตุ้นรากผม
การฉีดสเต็มเซลล์กระตุ้นรากผม มีขั้นตอนดังนี้
- แพทย์จะเก็บรากผมที่แข็งแรงบริเวณท้ายทอยมาคัดแยกสเต็มเซลล์รากผม โดยจะทำภายใต้การฉีดยาชา ไม่ต้องกังวลเรื่องความเจ็บแต่อย่างใด
- การเก็บเซลล์รากผมจะเหมือนกับการปลูกผมเลย โดยจะแบ่งเป็น 2 เทคนิคหลัก ๆ ได้แก่ เทคนิค FUE ใช้เครื่องเจาะขนาดเล็กเจาะเอารากผมออกมา และเทคนิค FUT ที่จะผ่าตัดหนังศีรษะขนาดเล็กออกมา
- เมื่อได้สเต็มเซลล์แล้ว ก็จะนำมาฉีดลงในบริเวณหนังศีรษะที่มีปัญหาผมบาง
การดูแลตัวเองหลังฉีดสเต็มเซลล์กระตุ้นรากผม
หลังจากฉีดสเต็มเซลล์กระตุ้นรากผมแล้ว แนะนำให้ดูแลตัวเองดังนี้
- งดสระผม 1 วันหลังจากทำหัตถการ
- ระวังไม่ให้นอนทับแผลบริเวณที่เก็บเซลล์รากผมจนกว่าแผลจะหายดี
- หลังผ่านไปแล้ว 1 วัน สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่ให้งดว่ายน้ำ ซาวน่า หรือทำออกกำลังกายหนัง ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังทำหัตถการ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ผลลัพธ์หลังจากฉีดสเต็มเซลล์เป็นอย่างไร?
ผลลัพธ์ของการฉีดสเต็มเซลล์กระตุ้นรากผมจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเริ่มเห็นว่าผมหนาขึ้น เส้นใหญ่ขึ้น ผมขึ้นเร็วขึ้น ไม่หลุดร่วงง่าย ในช่วง 3 – 8 สัปดาห์หลังทำหัตถการ
ต้องฉีดสเต็มเซลล์กระตุ้นรากผมบ่อยไหม?
แนะนำให้เข้ารับการฉีดสเต็มเซลล์กระตุ้นรากผมปีละ 1 ครั้ง เพื่อคงผลลัพธ์ไว้
สเต็มเซลล์กับ PRP ต่างกันยังไง?
การฉีดสเต็มเซลล์จะใช้เซลล์ต้นกำเนิดที่ได้จากรากผมมาฉีด ซึ่งจะช่วยกระตุ้นรากผมให้ผลิตเส้นผมได้แข็งแรงมากขึ้น มีข้อดีตรงที่ไม่ต้องทำบ่อย ทำปีละ 1 – 2 ครั้งก็เพียงพอ
ในขณะที่การฉีด PRP จะเป็นการใช้เกล็ดเลือดเข้มข้นที่มีโปรตีนและโกรทแฟคเตอร์ต่าง ๆ มาฉีดที่หนังศีรษะ เปรียบเสมือนกับอาการเสริมของรากผม สามารถช่วยกระตุ้นให้ผมแข็งแรงขึ้นและชะลอการหลุดร่วงได้เช่นกัน มีข้อดีตรงที่มีราคาถูกกว่ามาก แต่จะต้องทำบ่อยกว่า โดยจะต้องทำเดือนละ 1 ครั้ง หรือ 3 เดือนครั้งเลย เพื่อผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
ส่วนจะเลือกฉีดสเต็มเซลล์ หรือ PRP เพื่อกระตุ้นรากผมดีนั้น จะต้องดูที่งบประมาณของแต่ละคน ถ้าหากมีงบประมาณมาก ไม่ต้องการมาทำบ่าย ๆ แนะนำให้เลือกฉีดสเต็มเซลล์เลย แต่สำหรับใครที่มีงบประมาณน้อย สามารถมาทำบ่อย ๆ ได้ การฉีด PRP ก็จะเหมาะสมกว่า
สรุปเรื่องการฉีดสเต็มเซลล์ผม
จะเห็นได้ว่า การฉีดสเต็มเซลล์ผมเป็นอีกหนึ่งวิธีรักษาผมบางที่มีประสิทธิภาพและน่าสนใจไม่น้อยเลย เพราะเป็นการนำเซลล์รากผมของตัวเองมาสกัดเป็นสเต็มเซลล์ และฉีดเข้าไปที่บริเวณรากผมที่มีปัญหา หลังฉีดไปแล้วจะช่วยให้เส้นผมใหญ่ขึ้น หนาขึ้น และขาดหลุดร่วงได้น้อยลง ใครที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือเพิ่งเข้ารับการปลูกผมมา ต้องการเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผม จึงไม่ควรมองข้ามหัตถการนี้เลย
ปรึกษาการฉีดสเต็มเซลล์กระตุ้นรากผมเพิ่มเติมได้ที่ :
- โทรศัพท์ : 084 501 9989
- Line OA : @clinicgrowandglow
- Facebook Page : GROW & GLOW Clinic ปลูกผมถาวรโดยแพทย์เฉพาะทาง
Grow And Glow Hair Clinic ดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางด้านการปลูกผมจากสถาบันปลูกผมระดับโลก ประสบการณ์ปลูกผมมากกว่า 5,000 เคส