เคลียร์ชัด! ปลูกผมแล้วต้องกินยาไหม?

เขียนโดย แพทย์หญิงภัทรา ภิญโญภาวศุทธิ - ธ.ค. 04, 2023

การใช้ยาปลูกผม หรือยาแก้ผมร่วง เป็นวิธีรักษาปัญหาผมบาง ศีรษะล้านจากกรรมพันธุ์ที่มีประสิทธิภาพมาก ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว แพทย์จะให้ยาในคนที่ไม่ได้มีปัญหารุนแรงมาก แต่สำหรับคนที่มีปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน แล้วเข้ารับการรักษาด้วยการปลูกผมแล้ว อาจจะมีข้อสงสัยว่ายังจำเป็นต้องกินยาต่อไหม Grow And Glow Hair Clinic ได้หาคำตอบมาให้แล้ว ใครที่สงสัยว่าปลูกผมแล้วต้องกินยาไหม? ห้ามพลาดบทความนี้เลย!

ปลูกผมแล้วต้องกินยาไหม?

ปลูกผมแล้วต้องกินยาไหม

หลังจากที่เข้ารับการรักษาผมบางศีรษะล้านแล้ว ผู้เข้ารับการรักษาจะยังต้องกินยาแก้ผมร่วงต่ออย่างน้อย 1 ปี โดยยาที่ต้องรับประทาน หรือต้องทา มีดังนี้

1. ยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride)

ยา Finasteride เป็นยาที่มีส่วนช่วยในการยับยั้งฮอร์โมน Dihydrotestosterone (DHT) ที่เป็นสาเหตุทำให้รากผมสร้างเส้นผมได้ขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ ทำให้เส้นผมระยะสุดท้ายมีวงจรที่สั้นลง และหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของผมบางและหัวล้านกรรมพันธุ์ในเพศชาย

2. ยาไมน็อกซิดิล (Minoxidil)

ยา Minoxidil เป็นยาที่ช่วยให้เกิดการคลายตัวของหลอดเลือดแดง ช่วยให้เลือดสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงรากผมได้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เส้นผมมีความแข็งแรงขึ้น ผมใหม่งอกได้มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็มีอาการขาดหลุดร่วงน้อยลงตามไปด้วย จัดเป็นยาแก้ปัญหาผมร่วงผมบางที่สามารถใช้ได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง

ยาไมน็อกซิดิลนั้น จะแบ่งเป็น 2 รูปแบบหลัก ๆ ดังนี้

ปลูกผมแล้วต้องกินยาตลอดชีวิตไหม?

ปลูกผมแล้วต้องกินยาตลอดชีวิตไหม

ในผู้ชาย หลังจากที่ปลูกผมเสร็จแล้ว ผมใหม่ที่ปลูกจะไม่ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT จึงไม่ได้มีความเสี่ยงทำให้ผมหลุดร่วง หรือหายไปจากหนังศีรษะ แต่ผมส่วนอื่น ๆ ที่เป็นผมดั้งเดิมจะยังได้รับผลกระทบจากฮอร์โมนอยู่ จึงจำเป็นที่จะต้องรับประทานยาฟีนาสเตอไรด์อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้ผมส่วนนี้หลุดร่วงลง

หากไม่รับประทานยาแก้ผมร่วงหลังปลูกผมจะเกิดอะไรขึ้น?

ในกรณีที่ผู้เข้ารับการปลูกผมไม่ได้รับประทานยาแก้ผมร่วงอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้ผมส่วนอื่น ๆ ที่ยังได้รับผลกระทบจากฮอร์โมนหลุดร่วงลง และถ้าปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ จะทำให้ผมบริเวณนั้นค่อย ๆ บางลงจนเห็นหนังศีรษะในที่สุด ซึ่งจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ ทำให้ดูไม่ค่อยสวยงาม และจำเป็นที่จะต้องปลูกผมบริเวณดังกล่าวได้

นอกจากรับประทานยาแล้ว มีหัตถการอื่นๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาผมร่วงผมบางไหม?

หัตถการแก้ปัญหาผมร่วงผมบาง

นอกจากการรับประทานยายับยั้งฮอร์โมน DHT และยาที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดแล้ว ยังมีอีกหลายหัตถการที่ช่วยรักษาผมบาง ซึ่งสามารถทำร่วมกับการปลูกผมและรับประทานยาได้ ดังนี้

รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยาปลูกผม

นอกจากคำตอบของคำถามปลูกผมแล้วต้องกินยาไหมแล้ว เรายังได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยาปลูกผมอื่น ๆ มาให้ด้วย สามารถไปดูคำถามและคำตอบกันได้เลย

1. ยา Finasteride ทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศจริงหรือไม่?

ยา Finasteride อาจทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ เนื่องจากตัวยามีผลในการยับยั้งฮอร์โมนเพศชาย โดยจะทำให้เกิดอาการหย่อนสมรรถภาพ ความต้องการทางเพศและปริมาณอสุจิลดลง และ/หรือมีการเจ็บอัณฑะร่วมด้วยได้ แต่พบได้น้อยมาก โดยจะพบเพียง 2-5% ของผู้ใช้ยา และเมื่อหยุดใช้ยา หรือหยุดทำการรักษา อาการก็จะกลับมาเป็นปกติภายใน 1 เดือน

2. คนท้องใช้ยาปลูกผมได้ไหม?

ในระหว่างที่ตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ยาปลูกผม เพราะอาจเป็นอันตรายต่อแม่และเด็กได้ อย่างไรก็ตาม หากมีความกังวลเกี่ยวกับอาการผมร่วง หรือผมบางมาก ๆ แนะนำให้เข้าพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินและรับการรักษาอย่างเหมาะสมจะดีกว่า

3. กินยาปลูกผมกี่เดือนถึงจะเห็นผล?

โดยส่วนใหญ่แล้ว จะเริ่มเห็นผลหลังจากที่ใช้ยาอย่างต่อเนื่องประมาณ 3-6 เดือน และเห็นผลชัดเจนภายใน 1 ปี

4. ยาปลูกผมมีผลเสียอย่างไร?

ยาปลูกผมก็เหมือนกับยาทั่วไปคืออาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้ เช่น

อย่างไรก็ตาม เราสามารถลดผลกระทบของผลข้างเคียงของยาปลูกผมได้ด้วยการใช้ยาภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งแพทย์จะช่วยประเมินขนาดยาที่เหมาะสมกับแต่ละคน หรือเปลี่ยนไปใช้หัตถการรักษาผมบางอื่น ๆ ที่ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงได้

สรุปเรื่องการรับประทานยาหลังปลูกผม

เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อมูลเกี่ยวกับการรับประทานยาปลูกผมที่เรานำมาฝากในบทความนี้ หวังว่าจะช่วยคลายข้อสงสัยปลูกผมแล้วต้องกินยาไหม และปลูกผมแล้วต้องกินยาตลอดชีวิตหรือไม่ และทำให้คุณวางแผนการดูแลสุขภาพเส้นผมของตนเองหลังจากปลูกผมได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น ช่วยให้มีเส้นผมที่หนานุ่มมีสุขภาพดี ไม่มีปัญหาผมร่วงผมบางศีรษะล้านมากวนใจอีกต่อไป!

สำหรับท่านใดที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน สามารถนัดหมายเข้ามาปรึกษาแพทย์ที่ Grow And Glow hair Clinic ได้เลย คลินิกปลูกผมของเราให้การดูแลโดยแพทย์หญิงภัทรา ภิญโญภาวศุทธิ แพทย์เฉพาะทางด้านการปลูกผม (Hair Restoration Surgery) ได้รับการรับรองโดยสถาบันปลูกผมระดับโลก และมีประสบการณ์ในระดับนานาชาติมากกว่า 5,000 เคส รับรองว่าไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน!

ปรึกษาเกี่ยวกับการปลูกผมเพิ่มเติมได้ที่ :

Grow And Glow Hair Clinic ดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางด้านการปลูกผมจากสถาบันปลูกผมระดับโลก ประสบการณ์ปลูกผมมากกว่า 5,000 เคส


ปรึกษาออนไลน์ฟรีกับคุณหมอ